แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันขนย้ายข้าวโดยมิได้รับอนุญาตรายเดียวกัน และเป็นการกระทำผิดร่วมกันในกรณีอันหนึ่งอันเดียวกัน มิใช่เป็นเหตุส่วนตัวของแต่ละคน ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาลดโทษปรับตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามความหมายใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพได้ความว่า จำเลยได้สมคบกันขนย้ายข้าวเปลือก 400 ถัง หรือ 4 เกวียน จากอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เข้าไปยังกิ่งอำเภอหนองหมู จังหวัดสระบุรี โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทุกคนมีผิดตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว ประกอบกับกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 ให้ปรับจำเลยนอกจาก ด.ญ.เจริญ และ ด.ช.พรม จำเลยคนละ 1,500 บาท และให้เรียกประกันทัณฑ์บนจากผู้ปกครอง ด.ญ.เจริญ, ด.ช.พรม
นายเคลือบ นายสร้อย นายพวง นางมีอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ปรับนายเคลือบจำเลย 500 บาท นอกนั้นคนละ 200 บาท ให้บังคับถึงนายพา นายทาจำเลยผู้มิได้อุทธรณ์ด้วยนอกนั้นยืนตาม
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายว่าศาลอุทธรณ์ลดโทษปรับให้แก่จำเลยผู้มิได้อุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายพา นายทาจำเลยนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้สมคบกับจำเลยอื่นขนย้ายข้าวโดยมิได้รับอนุญาตรายเดียวกัน และเป็นการกระทำผิดร่วมกันในกรณีอันหนึ่งอันเดียวกัน มิใช่เป็นเหตุส่วนตัวแต่ละคน จึงเป็นเหตุในลักษณะคดีตามความหมายในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ด้วย
พิพากษายืน