แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,357 ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหายตามมาตรา 352 วรรคสอง แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม ถือว่าข้อแตกต่างดังกล่าวระหว่างความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจร ยักยอกมิใช่ต่างกันในข้อสาระสำคัญไม่เกินคำขอ หรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์สินหายได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักเอาสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงราคา 2,450 บาท พร้อมจี้ทองคำรูปหลวงปู่แหวนราคา 300 บาท รวมราคาทั้งสิ้น 2,750 บาท ของนางสาวศิริพร รักชอบ ผู้เสียหายไปโดยทุจริต มีผู้พบจำเลยกับพวกครอบครองสร้อยทองคำและจี้ทองคำดังกล่าวของผู้เสียหาย ต่อมาผู้เสียหายได้จี้ที่หายคืนจากจำเลย ทั้งนี้จำเลยกับพวกเป็นคนร้ายร่วมกันลักเอาทรัพย์ หรือมิฉะนั้นจำเลยกับพวกรับไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดลักษณะลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 83และคืนของกลางแก่เจ้าของกับให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงหรือใช้ราคา 2,450 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง จำคุก 1 ปีคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณามีประโยชน์ต่อการพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน ให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงหรือใช้ราคา 2,450 บาท แก่ผู้เสียหาย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 357, 83 แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคสอง เป็นการพิพากษาเกินคำขอ โดยข้อเท็จจริงในการพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง และไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษไม่ชอบนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม ข้อแตกต่างดังกล่าวระหว่างความผิดฐานลักทรัพย์รับของโจร ยักยอก มิใช่ต่างกันในข้อสาระสำคัญ ไม่เกินคำขอหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำเลยได้ตามที่ปรากฏในทางพิจารณา”
พิพากษายืน