คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อเดียว ข้ออื่นแม้โจทก์เห็นว่า เป็นข้อกฎหมายก็มิได้สั่งรับนั้น โจทก์จะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาให้ศาลอุทธรณ์สั่งรับเสียก่อน ศาลอุทธรณ์จึงจะวินิจฉัยให้ เมื่อโจทก์ไม่จัดการประการใดย่อมถือว่า ข้ออุทธรณ์นั้น ๆ เป็นอันยุติไปแล้ว โจทก์จะรื้อฟื้นขึ้นมาฎีกาอีกไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์เพื่อปลูกบ้านเรือนอยู่อาศัย มีกำหนด ๑๐ ปี จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าและให้คนอื่นเช่าช่วงโดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ ๆ ฟ้องขับไล่ แต่โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอม ยอมความกัน ต่อมาจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าและให้เช่าช่วงอีก ขอให้ขับไล่
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่มีเหตุที่จะฟ้องขับไล่จำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายหลายข้อ แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเพียงข้อเดียวว่า ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงไม่ผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน โจทก์จึงขอฎีกาข้อกฎหมายเหล่านั้น ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยนั้นศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ว่า อุทธรณ์ของโจทก์ข้อ ๔ ก.ข.ค.และ ง. เฉพาะที่ว่าศาลรับฟังพยานหลักฐานผิดไปจากที่ปรากฏในท้องสำนวนหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับอุทธรณ์สำเนาให้จำเลย แก้ คำสั่งนี้เป็นการรับอุทธรณ์เฉพาะข้อเดียวเท่าที่สั่งไว้ ข้ออื่นแม้โจทก์เห็นว่า เป็นข้อกฎหมาย เมื่อศาลมิได้สั่งรับ โจทก์จะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ในข้อกฎหมายนั้นเสียก่อน ศาลอุทธรณ์จึงจะวินิจฉัยให้ แต่โจทก์มิได้จัดการประการใด ย่อมถือว่า ข้ออุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นมิได้สั่งรับนั้น เป็นอันยุติไปแล้ว โจทก์จะรื้อฟื้นขั้นมาฎีกาอีกไม่ได้ เพราะมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน

Share