คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์จะได้ยอมรับว่าที่ดินที่ถูกยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย แต่ผู้ร้องยังได้กล่าวอ้างว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมและมิได้จำนองที่ดินนั้นด้วย ทั้งผู้ร้องได้มีหนังสือบอกล้างนิติกรรมจำนองให้โจทก์ทราบแล้ว เช่นนี้ ถ้าหากเป็นความจริง โจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ที่ยังเป็นสินบริคณห์อยู่ไม่ได้ ผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้

ย่อยาว

โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์
ก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ ผู้ร้องขอให้ปล่อยได้ก็โดยกล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้เท่านั้น แต่ทรัพย์รายนี้ผู้ร้องรับว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของ คือ เป็นสินสมรสผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้ปล่อยได้ ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่ามิได้รู้เห็นยินยอมให้จำเลยทำสัญญาจำนองและได้บอกล้างนิติกรรมแล้ว ผู้ร้องควรไปฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจำนองหรือขอให้ทำลายคำพิพากษาเป็นอีกสำนวนหนึ่งจึงจะชอบ
ศาลชั้นต้นสอบคู่ความแล้วเห็นสมควรวินิจฉัยข้อกฎหมายการที่โจทก์ร้องขอ จึงให้งดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า ตามคำร้องขัดทรัพย์ ข้อ ๒ กล่าวไว้ชัดว่า ทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในข้อ ๑ เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ซึ่งหมายความว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วยกรณีจึงไม่เข้าข่ายบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๘๘ ผู้ร้องหามีอำนาจร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่ถูกยึดในคดีนี้ไม่ และไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นต่อไป พิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ แม้จะได้ยอมรับว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นสินสมรส แต่ผู้ร้องยังได้กล่าวอ้างต่อไปว่า ผู้ร้องกับจำเลยเป็นสามีภริยากัน การจำนองที่ดินโฉนดที่ ๒๙๒๓ ผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอม และทรัพย์อันดับ ๒ – ๓ ผู้ร้องไม่ได้จำนองด้วย ผู้ร้องได้มีหนังสือบอกล้างนิติกรรมจำนองให้โจทก์ทราบแล้ว ซึ่งถ้าหากเป็นความจริงดังที่ผู้ร้องได้กล่าวอ้าง นิติกรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยย่อมเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘ เมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจำเลยได้บอกล้างแล้วย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา ๑๓๘ หนี้ตามคำพิพากษานั้นก็ไม่ผูกพันสินบริคณห์ โจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ที่ยังเป็นสินบริคณห์อยู่ไม่ได้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share