คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภาพวาดและข้อความที่จำเลยโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ไม่มีข้อความตอนใดพาดพิงถึงเทศบาลเมืองยะลา หรืออาจให้เข้าใจได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความ ส.ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีกับคณะเทศมนตรีเมืองยะลาครั้งแรกจนถึงวันเกิดเหตุคดีนี้ เทศบาลเมืองยะลามีคณะเทศมนตรีสับเปลี่ยนกันถึง 7 ชุด มิใช่มีคณะเทศมนตรีชุดนี้เพียงชุดเดียว และในความผิดฐานหมิ่นประมาทอันจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังนั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหายเท่านั้น จึงยังไม่พอถือได้ว่า ส.และคณะเทศมนตรี เมืองยะลาเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลยได้ โจทย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 326,328

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์โฆษณาหนังสือพิมพ์ชาวใต้ ได้หมิ่นประมาทใส่ความนายแพทย์สืบสายนายกเทศมนตรีเมืองยะลา นายสมบัติ และจ่าสิบตำรวจสวัสดิ์เทศมนตรีเมืองยะลา โดยจำเลยโฆษณาด้วยภาพวาดมีข้อความกำกับในเอกสารหนังสือพิมพ์ชาวใต้ประจำวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ โดยวาดภาพรูปข้างยืนบนเก้าอี้ กำลังเคี้ยวอาหาร และมีรูปสุนัขตัวหนึ่งกำลังกัดหางช้าง อีกตัวหนึ่งกำลังเห่า มีข้อความที่ตัวข้างว่า “ผู้ยิ่งใหญ่เทศบาล” ซึ่งหมายถึงนายแพทย์สืบสายกับคณะเทศมนตรี ดังมีข้อความในกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่งวงช้าง และด้านหน้าช้างว่า “ค่ารื้อโรงพิธี” “ค่าถนน” “เงินหล่อเสาไฟฟ้า” “ผูกขาดหมู” “เงินเลี้ยงพรรค” “ทำโรงอาหาร” และอื่น ๆ มีข้อความที่หัวช้างว่า “อร่อยจัง” และมีข้อความบนรูปสุนัขกำลังเห่าว่า “เฮ้ อย่าเขมือบนั่นภาษีประชาชน” ซึ่งภาพวาดและข้อความดังกล่าวหมายถึงว่า นายแพทย์สืบสายกับคณะเทศมนตรีทุจริตฉ้อโกงงบประมาณต่าง ๆ แล้วนำหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวออกจำหน่ายแก่ประชาชน ดังปรากฏตามหนังสือพิมพ์ท้ายฟ้อง ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะทำให้นายแพทย์สืบสาย นายสมบัติ และจ่าสิบตำรวจสวัสดิ์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่ตำบลสะเตง อำเภอเมืองฯ จังหวัดยะลา ซึ่งนายแพทย์สืบสายกับคณะเทศมนตรีได้ร้องทุกข์มอบคดีให้แก่เจ้าพนักงานแล้ว ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖,๓๒๘
จำเลยให้การปฏิเสธว่าฟ้องเคลือมคลุม ภาพวาดและข้อความตามฟ้องไม่ได้หมายถึงเทศบาลเมืองยะลา นายแพทย์สืบสายกับคณะเทศมนตรีไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม คดีนี้เกี่ยวกับเทศบาลมีข้อความทำให้เข้าใจว่าหมายถึงเทศบาลเมืองยะลา ผู้เสียหายเป็นคณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้น ถือได้ว่าเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิร้องทุกข์ได้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘ ให้ปรับ ๑,๐๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามมาตรา ๒๙, ๓๐
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นายแพทย์สืบสายกับคณะเทศมนตรีไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ภาพวาดและข้อความที่จำเลยโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ไม่มีข้อความตอนใดพาดพิงถึงเทศบาลเมืองยะลา หรืออาจให้เข้าใจได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความนายแพทย์สืบสายกับคณะเทศมนตรี เมืองยะลาโดยเฉพาะเจาะจงเพราะตั้งแต่วันที่นายแพทย์สืบสายเป็นนายกเทศมนตรี เมืองยะลาครั้งแรกจนถึงวันเกิดเหตุคดีนี้ เทศบาลเมืองยะลามีคณะเทศมนตรีสับเปลี่ยนกันถึง ๗ ชุด มิใช่มีคณะเทศมนตรีชุดนี้ชุดเดียว และในความผิดฐานหมิ่นประมาทอันจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังนั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหายเท่านั้น จึงยังไม่พอถือได้ว่านายแพทย์สืบสายกับคณะเทศมนตรีเมืองยะลาเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒(๔) ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลยได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบด้วยรูปคดีแล้ว
พิพากษายืน

Share