คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6183/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อการวางท่อประปาผ่านที่ดินของจำเลยมีระยะทางใกล้ที่สุด และโจทก์ได้เสนอค่าทดแทนให้แก่จำเลยตามสมควรแล้ว โจทก์ย่อมใช้สิทธิขอวางท่อประปาผ่านที่ดินของจำเลยซึ่ง อยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1352 ฟ้องโจทก์เพียงขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์วางท่อประปา ผ่านที่ดินของจำเลยตามแนวในแผนที่ท้ายฟ้อง หากจำเลยไม่ยอม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย การที่ศาล พิพากษาว่าหากไม่สามารถวางท่อประปาผ่านที่ดินของจำเลยตาม แนวในแผ่นที่ได้ ให้จำเลยยอมให้โจทก์ต่อท่อจากท่อประปา ของจำเลยที่จำเลยวางไปยังทาวน์เฮาส์ที่จำเลยก่อสร้างได้ ซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิอันใดที่จะไปต่อจากท่อนั้นได้ จึงเป็น การพิพากษาเกินคำขอ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 69585 โจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 69585โดยด้านทิศเหนือของที่ดินเป็นคลองบางเชือกหนัง โจทก์ทั้งสองใช้น้ำในคลองดังกล่าวตลอดมา ต่อมาปี 2533 จำเลยซื้อที่ดินติดกับที่ดินของโจทก์ทั้งสองรวม 3 แปลง แล้วถมที่ดินดังกล่าวเมื่อต้นปี 2534 ก่อสร้างเป็นทาวน์เฮ้าส์ขายและทำถนนคอนกรีตกว้างประมาณ 4 เมตร ติดกับที่ดินโจทก์ทั้งสองทางด้านทิศตะวันตกออกสู่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ทำให้โจทก์ทั้งสองไม่อาจใช้น้ำจากคลองบางเชือกหนังในการอุปโภคและบริโภคได้ โจทก์ทั้งสองได้ขอวางท่อประปาขนาด 0.5 นิ้ว ยาวประมาณ 8 เมตร ผ่านที่ดินของจำเลยโดยวางใต้พื้นถนนคอนกรีตตามแนวจุดไข่ปลาสีน้ำเงินในแผนที่ท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นระยะที่ใกล้ที่สุดและไม่ทำให้จำเลยเสียหาย โดยโจทก์ทั้งสองได้เสนอค่าทดแทนให้คนละ 5,000 บาทแต่จำเลยปฏิเสธ ขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ทั้งสองวางท่อประปาผ่านที่ดินของจำเลย โดยโจทก์ทั้งสองยอมเสียค่าทดแทนเป็นเงินคนละ5,000 บาท หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า บริเวณแนวจุดไข่ปลาตามแผนที่ท้ายฟ้องที่โจทก์ทั้งสองขอวางท่อประปานั้น เป็นที่ดินซึ่งจำเลยได้ขายให้แก่บุคคลอื่นไปแล้ว โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ทั้งสองวางท่อประปาผ่านที่ดินของจำเลยตามแนวที่ปรากฏในแผ่นที่เอกสารหมาย จ.3 หากไม่สามารถเดินท่อผ่านที่ดินซึ่งศาลทำเครื่องหมายถูกไว้ในแผนที่ได้ให้ต่อท่อจากท่อประปาที่จำเลยวางไปยังทาวน์เฮาส์ที่จำเลยก่อสร้างได้จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาข้อแรกตามฎีกาของจำเลยมีว่าที่ดินตามแนวจุดไข่ปลาสีน้ำเงินและที่มีเครื่องหมายถูกในแผนที่เอกสารหมาย จ.3 หรือ ล.1 ซึ่งโจทก์ทั้งสองขอวางท่อประปาผ่านนั้นเป็นที่ดินของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ทั้งสองเบิกความว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลยตามโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.8 และ จ.14 จำเลยเบิกความตอบคำถามค้านของทนายโจทก์ทั้งสองรับว่าถนนหน้าทาวน์เฮาส์ของจำเลยและหน้าที่ดินของโจทก์ทั้งสองที่โจทก์ทั้งสองวางท่อประปาผ่านเป็นที่ดินของจำเลย จึงฟังได้ว่าที่ดินในส่วนนี้เป็นของจำเลย สำหรับที่ดินที่ต่อจากถนนดังกล่าวไปถึงคลองศาลเจ้าที่มีเครื่องหมายถูกในแผนที่เอกสารหมาย จ.3หรือ ล.1 ที่โจทก์ทั้งสองขอวางท่อประปาผ่านนั้นจำเลยก็เบิกความรับว่า เดิมที่ดินริมคลองศาลเจ้าเป็นของจำเลยทั้งหมดที่จำเลยอ้างว่าได้ขายให้บุคคลอื่นแล้วนั้น บุคคลอื่นจะเป็นใครย่อมอยู่ในความรู้เห็นของจำเลย แต่จำเลยกลับเบิกความตอบคำถามค้านของทนายโจทก์ทั้งสองว่าจำเลยชื่อไม่ได้ ทั้งตามโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.2 ถึง ล.12 ที่จำเลยอ้างส่งศาลนั้น ที่ดินแปลงใดเป็นที่ดินในส่วนดังกล่าว จำเลยก็หาได้เบิกความให้ปรากฏไม่ข้ออ้างของจำเลยจึงเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลยฟังได้ว่าที่ดินในส่วนนี้ก็เป็นของจำเลย เมื่อเป็นดังนี้และปรากฏว่าการวางท่อประปาทางคลองศาลเจ้าผ่านที่ดินของจำเลยมีระยะทางใกล้ที่สุด ประกอบกับโจทก์ทั้งสองได้เสนอค่าทดแทนให้แก่จำเลยตามสมควรแล้ว ซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้งในข้อนี้โจทก์ทั้งสองย่อมใช้สิทธิขอวางท่อประปาทางคลองศาลเจ้าผ่านที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1352 ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ทั้งสองได้ขอวางท่อประปาต่อสำนักงานประปาสาขาภาษีเจริญโดยขอวางท่อทางซอยก้าวหน้า 2 ไม่ได้ขอวางท่อทางคลองศาลเจ้าผ่านที่ดินของจำเลยตามฟ้อง และสำนักงานประปาสาขาภาษีเจริญยังไม่ได้อนุญาตนั้น ข้อเหล่านี้หามีผลกระทบต่อสิทธิดังกล่าวของโจทก์ทั้งสองไม่ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาข้อต่อตามฎีกาของจำเลยมีว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าหากโจทก์ทั้งสองไม่สามารถเดินท่อประปาผ่านที่ดินของจำเลยซึ่งศาลทำเครื่องหมายถูกไว้ในแผนที่เอกสารหมาย จ.3 ได้ให้ต่อท่อจากประปาที่จำเลยวางไปยังทาวน์เฮาส์ที่จำเลยก่อสร้างได้ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ เห็นว่า ปัญหาข้อนี้จำเลยได้ยกขึ้นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยอันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา 246 กรณีเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งแต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไปโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(1) ประกอบด้วยมาตรา 247 พิเคราะห์คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสองแล้ว โจทก์ทั้งสองขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ทั้งสองวางท่อประปาผ่านที่ดินของจำเลยตามแนวในแผนที่ท้ายฟ้องหากจำเลยไม่ยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยไม่ได้มีคำขอว่าหากไม่สามารถวางท่อประปาผ่านที่ดินของจำเลยตามแนวในแผนที่ได้ ให้จำเลยยอมให้โจทก์ทั้งสองต่อท่อจากท่อประปาที่จำเลยวางไปยังทาวน์เฮาส์ที่จำเลยก่อสร้างได้ ทั้งท่อประปาดังกล่าวเป็นของจำเลยที่วางไว้โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิอันใดที่จะไปต่อจากท่อนั้นได้ ดังนี้ คำพิพากษาของศาลล่างในส่วนนี้จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่ง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลล่างในส่วนที่ว่าหากโจทก์ทั้งสองไม่สามารถวางท่อประปาผ่านที่ดินของจำเลยซึ่งศาลทำเครื่องหมายถูกไว้ในแผนที่เอกสารหมาย จ.3 ได้ ให้ต่อท่อจากท่อประปาที่จำเลยวางไว้ไปยังทาวน์เฮาส์ที่จำเลยก่อสร้างได้นั้นเสียนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลล่าง

Share