คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้อง บรรยายฟ้อง ตัดสิน เมื่อฟ้องโจทก์พรรณาข้อความการกระทำของจำเลยอันอาจเป็นผิดตาม ม.157 แม้โจทก์จะอ้างบทของให้ลงโทษตาม ม.158 ก็เป็นความผิดประเภทเดียวกับ ม.157 ศาลอาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 157 ได้ ฉะนั้นแม้ในชั้นไต่สวน+ฟ้องศาลก็ยังต้องให้ดำเนินคดีต่อไป จะยกฟ้องเสียทีเดียวไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้สมคบกันทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉะบับความว่าจำเลยที่ ๒ กู้เงินจำเลยที่ ๑ ไปเป็นเงิน ๒๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้นำเอกสารปลอมนี้มาฟ้องจำเลยที่ ๒ ขอให้ขำระหนี้ตามสัญญาคดีถึงยึดทรัพย์จำเลยที่ ๑ นำยึดทรัพย์ของโจทก์ซึ่งไม่ใช่ของจำเลยที่ ๒ จึงขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๕๘-๒๒๒-๒๒๔-๒๒๕-๓๐๔-๓๐๘ แล ๖๓
ศาลเดิมไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นมูลความผิดทางอาญาตามมาตราที่โจทก์อ้างมา จึงไม่รับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยเห็นว่าบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมาในฟ้องไม่ตรงกับรูปคดี
โจทก์ฎีกาว่าเมื่อการกระทำของจำเลยเข้าอยู่ในลักษณกระทำพะยานเท็จตามมาตรา ๑๕๗ แล้ว แม้โจทก์ไม่ได้อ้างมาตรานี้ขึ้นมาในฟ้อง แต่ก็ได้อ้าง ม.๑๕๘ ซึ่งอยู่ในหมวดเดียวกับ ม.๑๕๗ นี้แล้ว ศาลอาจลงโทษจำเลยตาม ม.๑๕๗ นี้ได้
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทก์มีข้อความพรรณาการกระทำขอจำเลยบางคนต้องตาม ม.๑๕๗ ไว้ชัดเจน ทั้งมาตราที่โจทก์อ้างมาในฟ้องก็เป็นความผิดประเภทเดียวกับ ม.๑๕๗ แม้โจทก์จะมิได้อ้างมาตรานี้มาด้วย ศาลก็ลงโทษจำเลยได้จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณามูลฟ้องตามมาตรา ๑๕๗ แล้วจัดการต่อไปตามกระบวนความ

Share