คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6123/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีเดิมจำเลยฟ้องโจทก์บังคับจำนอง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินไถ่ถอนจำนอง หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินจำนอง ออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระ โจทก์ไม่ชำระ จำเลยขอให้บังคับคดี และนำยึดที่ดินจำนองออกขายทอดตลาด และศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ให้งดการบังคับคดีไว้ตามคำร้องของโจทก์ที่อ้างว่า ได้ ชำระหนี้ ตาม คำพิพากษา และ ได้ ฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่แล้ว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าโจทก์ได้ชำระหนี้ตาม คำพิพากษาแก่จำเลยนอกศาลแล้ว ขอให้บังคับจำเลย จดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง และให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการ ทำประโยชน์ของที่ดินจำนองคืนแก่โจทก์ มีผลเป็นการขอ ให้ถอนบังคับคดีในคดีเดิม ซึ่งเป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการ บังคับคดีในคดีเดิม จึงเป็นเรื่องต้องว่ากล่าวกันในคดีเดิม ในชั้นบังคับคดี ไม่ชอบที่จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระหนี้แก่จำเลยหากไม่ชำระให้ยึดที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 2342 ขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้จำเลย ต่อมาโจทก์ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวแก่จำเลยครบถ้วนแล้วเป็นเงิน 132,381 บาท จำเลยรับว่า จะไถ่ถอนจำนองและคืน น.ส.3 ก. ดังกล่าวให้ภายใน 7 วัน ครั้นครบกำหนดจำเลยผัดผ่อนและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาดขอให้บังคับให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 2342 ตำบลวังน้ำลัด อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ให้แก่โจทก์ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษานี้แสดงเจตนาแทนจำเลย กับให้จำเลยส่งมอบ น.ส.3 ก. ดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ยังมิได้นำเงิน 97,625 บาท มาชำระให้จำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของโจทก์ออกขายทอดตลาด ขณะให้การอยู่ระหว่างการประกาศขายทอดตลาด โจทก์ไม่มีอำนาจบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำขอท้ายฟ้องได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 2342 ตำบลวังน้ำลัด อำเภอไพศาลีจังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่โจทก์ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้ส่งมอบ น.ส.3 ก.ของที่ดินแปลงดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า คดีเดิมโจทก์ (จำเลยในคดีนี้) ฟ้องบังคับจำนอง จำเลย (โจทก์ในคดีนี้)ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินไถ่ถอนจำนองจำนวน 97,625 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดที่ดินออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระแทน จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนองออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาปรากฏตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1501/2531ของศาลชั้นต้น ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามคำร้องของจำเลยที่อ้างว่าได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาและได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่แล้ว ส่วนคดีนี้โจทก์ (จำเลยในคดีเดิม) ฟ้องจำเลย(โจทก์ในคดีเดิม) อ้างว่าโจทก์ได้ชำระนี้ตามคำพิพากษาแก่จำเลยแล้วโดยชำระกันนอกศาลซึ่งจำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าไม่เคยได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากโจทก์แต่อย่างใด พิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีของโจทก์ที่มีคำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองหากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดินจำนองคืนแก่โจทก์นั้น มีผลเป็นการขอให้ถอนการบังคับคดีในคดีเดิม ทั้งที่คดีเดิมยังมีการยึดทรัพย์บังคับจำนองยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้นเมื่อเป็นข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับการบังคับคดีในคดีเดิม ซึ่งต้องมีคำวินิจฉัยของศาลก่อนที่การบังคับคดีจะดำเนินไปได้โดยครบถ้วนและถูกต้อง จึงเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในคดีเดิมในชั้นบังคับคดี ไม่ชอบที่จะฟ้องเป็นคดีใหม่ ปัญหานี้เป็นเรื่องอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share