คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6102/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีทุนทรัพย์พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาทต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 25 ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของจำเลย ศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลภาษีอากรกลางได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 29 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 238
โจทก์มีวัตถุประสงค์ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อส่งเสริมอาชีพการเกษตรหรือดำเนินงานของเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรสามารถประกอบอาชีพอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่องในการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว รวมถึงมีอำนาจการกระทำกิจการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเนื่องในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ ตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่นได้ดำเนินการในทางช่วยเหลือส่งเสริมอาชีพของเกษตรกรหรือการดำเนินการของเกษตรกรโดยตรง ตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่นจึงถือเป็นกิจการอย่างอื่นที่โจทก์กระทำเพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ได้นอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือทางการเงินตามมาตารา 9 และ 10 (13) แห่ง พ.ร.บ. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และเมื่อกิจการตลาดกลางเกษตรขอนแก่นเป็นกิจการของโจทก์ รายได้จากกิจการตลาดกลางเกษตรขอนแก่นจึงถือเป็นรายได้ของโจทก์ ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมิน เลขที่ ๑๐๔๐๐๑๐/๕/๑๐๔๓๒๓ ถึง ๑๐๔๐๐๐๑๐/๕/๑๐๔๓๒๔ ลงวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๔๒ ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เลขที่ ขก/๐๐๙/๒๕๔๓ และเลขที่ ขก/๐๐๙.๑/๒๕๔๓ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า เห็นว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๒๕ คงมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของจำเลย ศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลภาษีอากรกลางได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๒๙ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๘ ซึ่งศาลภาษีอากรกลางฟังข้อเท็จจริงว่า กิจการตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่นเป็นกิจการของโจทก์และดำเนินการโดยโจทก์ ตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่นได้ดำเนินกิจการในทางช่วยเหลือส่งเสริมอาชีพของเกษตรกรหรือการดำเนินการของเกษตรกรโดยตรง โดยโจทก์ดำเนินการจัดการให้ตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่นเป็นสถานที่ ที่เกษตรกรสามารถนำผลิตผลทางเกษตรมาซื้อขายกัน ให้มีการพบปะกันของผู้ซื้อและผู้ขายมากราย และทำการซื้อขายกันได้อย่างเสรีเพื่อให้มีราคายุติธรรม มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า กิจการตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่นเป็นกิจการตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ที่โจทก์มีอำนาจกระทำได้ตามพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ หรือเป็นกิจการเฉพาะอย่างที่มิใช่กิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการ ธนาคารโจทก์ เห็นว่า พระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ มาตรา ๙ ซึ่งแก้ไขโดย พระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๕ อันเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะเกิดมูลหนี้ค่าภาษีอากรตามฟ้อง ได้บัญญัติวัตถุประสงค์ของธนาคารโจทก์ไว้ว่า ธนาคารมีวัตถุประสงค์ให้ ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อส่งเสริมอาชีพการเกษตรหรือการดำเนินงานของเกษตรกรกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์การเกษตร ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์การเกษตรสามารถประกอบอาชีพอย่างอื่น ที่เกี่ยวเนื่องในการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว และมาตรา ๑๐ (๑๓) ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติธนาคาร เพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๕ ได้บัญญัติให้ธนาคารมีอำนาจรวมถึงการกระทำ กิจการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเนื่องในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของธนาคาร ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริง รับฟังยุติตามที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยไว้แล้วว่า ตลาดกลางสินค้าเกษตรกรขอนแก่นได้ดำเนินกิจการในทาง ช่วยเหลือส่งเสริมอาชีพเกษตรหรือการดำเนินการของเกษตรกรโดยตรง ตลาดกลางสินค้าขอนแก่นจึงถือเป็นกิจการอย่างอื่นที่ธนาคารโจทก์กระทำเพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของธนาคารได้นอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือ ทางการเงินดังที่ มาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดังกล่าว และเมื่อกิจการ ตลาดกลางเกษตรขอนแก่นเป็นกิจการของโจทก์ รายได้จากกิจการตลาดกลางเกษตรขอนแก่นจึงถือเป็นรายได้ ของโจทก์ ไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นนี้ ๖๐๐ บาท แทนโจทก์

Share