แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขอให้เรียก ซ. ภรรยาของจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยแทนสามีซึ่งมรณะ ซ. ต่อสู้ว่าไม่ได้เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่ได้รับมรดกจากสามีแต่ประการใดแต่เมื่อไต่สวนแล้วศาลเชื่อว่า ซ. เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นทายาทของสามีผู้วายชนม์ ศาลก็ย่อมตั้งให้ ซ. เป็นผู้รับมรดกความได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินซึ่งมารดาจำเลยทำสัญญาจะขายให้โจทก์ และขอให้เพิกถอนพินัยกรรมที่จำเลยที่ 2 อ้างว่ามารดาทำยกที่พิพาทให้
จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่ามารดาไม่เคยจะขายที่รายพิพาท
จำเลยที่ 2 ว่าพินัยกรรมถูกต้อง และตัดฟ้องว่าคดีขาดอายุความและเป็นฟ้องซ้ำ
การพิจารณาดำเนินมาหลายทอด ในระหว่างนั้นจำเลยที่ 1 วายชนม์ลง โจทก์ขอให้เรียกนางซ้วนภรรยาจำเลยที่ 1 กับบุตรเข้ามาเป็นคู่ความแทน นางซ้วนและบุตรไม่ยอม อ้างว่าไม่ใช่ภรรยาและบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายและว่าไม่ได้รับมรดกจำเลยที่ 1 แต่อย่างใดศาลชั้นต้นจึงให้ยกคำร้องโจทก์ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ตั้งนางซ้วนกับบุตรและจำเลยที่ 2 เป็นคู่ความแทนจำเลยที่ 1 อีกศาลไต่สวนแล้วยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่านางซ้วนเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 จึงเป็นทายาทที่จะเรียกให้เข้ามารับมรดกความได้โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นผู้รับมรดกด้วยหรือไม่ พิพากษาตั้งให้นางซ้วนเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ 1 ต่อไป
นางซ้วนและจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ไม่ได้พิพากษาให้จำเลยที่ 2 เข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่มีเหตุที่จะฎีกาได้ ส่วนนางซ้วนนั้นศาลฎีกาเห็นว่าเป็นทายาทของจำเลยที่ 1 สมควรจะเข้ามารับหน้าที่แทนจำเลยที่ 1 จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์