แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ส่งไม่ได้แสดงความตกลงด้วยแจ้งชัดในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งคือจำเลยข้อจำกัดความรับผิดที่ให้จำเลยรับผิดเพียงหีบห่อละไม่เกิน100ปอนด์สเตอร์ลิงจึงไม่มีผลใช้ยันผู้ส่งได้และไม่อาจใช้ยันอ.ผู้รับตราส่งซึ่งได้รับสิทธิมาจากผู้ส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา627ตลอดจนโจทก์ผู้รับประกันภัยซึ่งรับช่วงสิทธิของผู้รับตรงส่งมาอีกทอดหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีวัตถุประสงค์ในการรับขนส่งสินค้าทางทะเลโดยมีบำเหน็จเป็นทางการค้าตามปกติ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2533 โจทก์ได้รับประกันภัยการขนส่งสินค้าจากองค์การแก้วบางนาที่สั่งซื้อสินค้าอิฐทนไฟใช้กับราวฟิดเดอร์ 8 รายการ จำนวน 7 กล่อง หรือ 7 หีบห่อจากบริษัทพาร์คคินสันสเปนเซอร์ รีแฟร็คทอรี่ส์ จำกัด ในประเทศอังกฤษ ในทุนประกันภัยวงเงิน 622,318.06 บาท โดยมีเงื่อนไขแห่งความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สินค้าระหว่างการขนส่งจากท่าเรือเมืองฮุล ประเทศอังกฤษ จนถึงท่าเรือกรุงเทพประเทศไทย จำเลยเป็นผู้รับจ้างขนส่งสินค้าที่โจทก์รับประกันภัยดังกล่าวโดยเรือภูเก็ตนาวี และเดินทางมาถึงท่าเรือกรุงเทพเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2534 ปรากฏว่าสินค้าที่ส่งมานั้นขาดหายไปจำนวน 1 กล่อง เป็นอิฐทนไฟชนิดแมนเทิล 6 ชิ้น และชนิดสกิมเมอร์ 7 ชิ้น คิดเป็นค่าเสียหาย 200,341.97 บาท โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายสำหรับสินค้าดังกล่าวให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2534 จึงรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาเรียกร้องเอาแก่จำเลย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 208,369.39 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 200,341.97 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า บริษัทพาร์คคินสัน สเปนเซอร์ รีแฟร็คทอรี่ส์จำกัด ผู้ส่งสินค้าได้ตกลงกับบริษัทจอห์น กู๊ด แอนด์ ซันส์ (ฮุล)จำกัด ผู้ออกใบตราส่งว่ากรณีที่สินค้าที่ขนส่งขาดหายหรือสูญหายผู้ออกใบตราส่งต้องรับผิดใช้เงินตามกฎ “เฮกรูล” เป็นเกณฑ์สูงสุดในราคาเหมาเป็นเงิน 100 ปอนด์สเตอร์ลิง โดยผู้ส่งสินค้าได้ลงลายมือชื่อและประทับตราไว้ด้านหลังใบตราส่งหากจำเลยจะต้องรับผิดก็ไม่เกินจำนวนเงินดังกล่าวเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,341.97 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 กรกฎาคม2534 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน100 ปอนด์สเตอร์ลิง โดยคิดเป็นเงินไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานครในวันพิพากษา ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนในวันดังกล่าวไม่มี ก็ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเช่นว่านั้นก่อนวันพิพากษาพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่าบริษัทพาร์คคินสัน สเปนเซอร์ รีแฟร็คทอรี่ส์ จำกัด ผู้ส่งได้ว่าจ้างจำเลยผู้ขนส่งให้ขนสินค้าอิฐทนไฟใช้กับราวฟีดเดอร์จำนวน 7 หีบห่อ จากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทยให้แก่องค์การแก้ว ตามสำเนาใบตราส่งเอกสารหมาย จ.3 (ล.1) ซึ่งมีต้นฉบับตามเอกสารหมาย ล.3 ระหว่างการขนส่งสินค้าดังกล่าวได้สูญหายไปจำนวน 1 หีบห่อ คิดเป็นเงิน 200,341.97 บาท โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยการขนส่งสินค้านั้นต่อองค์การแก้วได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวให้แก่องค์การแก้วไปนั้น และรับช่วงสิทธิมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยในฐานะผู้ขนส่งจะต้องรับผิดชำระค่าสินค้าที่สูญหายต่อโจทก์เพียงใด โจทก์ฎีกาว่า การที่มีตราของบริษัทผู้ส่งและมีลายมือชื่อลงไว้ด้านหลังใบตราส่งเป็นการสลักหลังใบตราส่ง ผู้ส่งมิได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัด ความรับผิดของผู้ขนส่งในใบตราส่ง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เกี่ยวกับการประทับตราชื่อบริษัทผู้ส่งและลงลายมือชื่อด้านหน้าและด้านหลังเอกสารหมายล.3 นี้ ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า ผู้ส่งได้แสดงความตกลงด้วยแจ้งชัดในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งคือจำเลยข้อจำกัดความรับผิดที่ให้จำเลยรับผิดเพียงหีบห่อละไม่เกิน100 ปอนด์สเตอร์ลิง จึงไม่มีผลใช้ยันผู้ส่งได้ และไม่อาจใช้ยันองค์การแก้วผู้รับตราส่งซึ่งได้รับสิทธิมาจากผู้ส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ตลอดจนโจทก์ผู้รับประกันภัยซึ่งรับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งมาอีกทอดหนึ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น