แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในสัญญาเช่าเคหะ จำเลยจะต้องชำระเงินค่ากินเปล่างวดที่ 3 ในวันที่ 1 สิงหาคม 2488 ซึ่งเป็นเวลาที่พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน (ฉะบับที่ 2) 2488 ใช้บังคับอยู่ ต้องพิจารณาว่า จำเลยได้ใช้เคหะเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่หรือไม่ ถ้าจำเลยมิไ้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน (ฉบับที่ 2) 2488 ก็มิควบคุมถึง
ถ้าหากในเวลาถึงกำหนดชำระเงินกินเปล่างวดที่ 3 การเช่ามิได้ตกอยู่ในควบคุมแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน (ฉบับที่ 2) 2488 และจำเลยกระทำผิดสัญญาจนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว จำเลยก็ไม่อยู่ในฐานะผู้เช่าต่อไป ดังนี้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ. 2489 ซึ่งออกมาภายหลังย่อมไม่มีผลย้อนหลังไปใช้บังคับแก่กรณีระหว่างโจทก์จำเลย ซึ่งไม่มีการเช่ากันนั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าเคหะ เพื่อการค้า และผิดสัญญาไม่ชำระเงินกินเปล่า จำเลยให้การรับว่า ได้ทำสัญญากับโจท์จริง แต่ต่อสู้ว่ามิได้ผิดสัญญาในเรื่องชำระเงินกินเปล่า ดังนี้ จำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบว่าได้ใช้เคหะเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่
ย่อยาว
ได้ความว่า เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๔๘๖ จำเลยได้ทำสัญญาเช่าตึกจากโจทก์ จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินกินเปล่างวดที่ ๓ โจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่า ครบกำหนดคำบอกกล่าวแล้ว จำเลยยังคงอยู่ในสถานที่เช่า โจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานทั้ง ๒ ฝ่าย แล้ววินิจฉัยว่า เหตุที่โจทก์อ้างว่าจำเลยผิดนัดส่งเงินกินเปล่านั้น มิได้อยู่ในข้อยกเว้นของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ๒๔๘๙ มาตรา ๑๖ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีนี้จะยก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ๒๔๘๙ มาใช้บังคับไม่ได้ จำต้องพิจารณาต่อไปว่า จำเลยได้ประพฤติผิดสัญญา อันโจทก์จะฟ้องขับไล่ได้หรือไม่ พิพากษษยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณา แล้วพิพากษาใหม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในสัญญาเช่าซึ่งจำเลยจะต้องชำระเงินกินเปล่า ในวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๔๘๘ อันเป็นเวลาที่ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน (ฉบับที่ ๒) ๒๔๘๘ ใช้บังคับอยู่ ในพระราชบัญญัติฉบับนี้ ควบคุมการเช่าเคหะที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยเช่าเคหะเพื่อทำการค้า จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญากับโจทก์จริง แต่มิได้ต่อสู้ว่า เคหะนี้ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ดังนี้ จำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบว่า ได้ใช้ที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ คดีต้องฟังว่า เมื่อถึงกำหนดชำระเงินกินเปล่างวดที่ ๓ นั้น การเช่ารายนี้หาตกอยู่ในความควบคุมของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน (ฉบับที่ ๒) ๒๔๘๘ ไม่ และเมื่อการเช่ามิได้ตกอยู่ในควบคุมแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน (ฉบับที่ ๒) ๒๔๘๘ หากว่าจำเลยกระทำผิดสัญญาจนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว จำเลยก็ไม่อยู่ในฐานะผู้เช่าต่อไป ดังนี้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ๒๔๘๙ ซึ่งออกมาภายหลัง ย่อมไม่มีผลย้อนหลังไปใช้บังคับแก่กรณีระหว่างโจทก์จำเลย ซึ่งไม่มีการเช่ากันนั้นได้ ประเด็นในคดีนี้คงเหลือแต่ว่า จำเลยได้ผิดสัญญากับจำเลยได้หรือไม่ ซึ่งคู่ความยังโต้เถึยงกันอยู่ ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษษใหม่ชอบแล้ว