คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจะขอนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความจำนวนหนี้ในเอกสารสัญญาจำนองหาได้ไม่ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป ๕๕,๐๐๐ บาท จำเลยรับเงินไปแล้วและจำเลยได้นำที่ดินมาจำนองโจทก์ไว้ สัญญาให้ดอกเบี้ยร้อยละ ๑ บาทต่อเดือน จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งดอกเบี้ยและต้นเงินจึงขอให้บังคับจำเลยถอนจำนองเป็นเงิน ๕๕,๐๐๐ บาท และให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้าง หรือให้เอาที่ดินออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ โจทก์จนครบ
จำเลยต่อสู้ว่า ทำสัญญาจำนองกันไว้เป็นเงิน ๕๕,๐๐๐ บาทจริง เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้อื่นที่จำเลยยังเป็นหนี้อยู่อีกมากฟ้องเฉลี่ย แต่ความจริงจำเลยรับเงินไป ๑๐,๒๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้แก่นายสมุดเจ้าหนี้เดิม และก่อนจำนองจำเลยเป็นลูกหนี้อยู่ ๑๐,๐๐๐ บาทรวมทั้งที่โจทก์ออกเงินให้ในครั้งจำนอง จำเลยคงเป็นลูกหนี้โจทก์ทั้งสิ้นซึ่งจำเลยมีหน้าที่ชำระให้โจทก์เพียง ๒๐,๒๐๐ บาทเท่านั้น
คู่ความรับกันว่า สัญญาจำนอง จ.๑ ทำต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน และยังไม่ได้ชำระดอกเบี้ยกันเลย
ศาลชั้นต้นเชื่อว่า โจทก์จำเลยได้ตกลงทำหนี้จำนองให้สูงกว่าจำนวนเงินที่จำเลยรับไปจริง เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๑๘ พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยรับเงินไปครบถ้วนตามสัญญา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยนำสืบหักล้างสัญญาจำนองว่า กระทำโดยเจตนาลวง ของคู่กรณีไม่สม พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระหนี้จำนอง รายนี้ให้โจทก์คือ ต้นเงิน ๕๕,๐๐๐ บาทดอกเบี้ย ๙,๓๕๐ บาท และดอกเบี้ยในต้นเงินอัตราร้อยละ ๑ บาทต่อเดือน ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ถ้าจำเลยไม่ชำระ ให้ขายทอดตลาดที่ดินรายจำนองนี้ชำระหนี้ตามจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยว่าลงจำนวนเงินในสัญญา จำนองไว้มากกว่าที่เป็นหนี้จริง เพื่อกีดกันเจ้าหนี้อื่นนั้น ไม่มีผู้อื่นรู้เห็นและก็ไม่ปรากฎชัดแจ้งว่า โจทก์ตกลงจะไม่บังคับจำนองเต็มจำนวนที่ลงไว้ในสัญญาจำนองหรือเกินกว่าจำนวนที่เป็นหนี้กันจริง นิติกรรมจำนองรายนี้กรณีไม่ต้องด้วยลักษณะที่จะเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๑๘ ตามคำให้การของจำเลยก็ไม่ได้ ขอให้เป็นโมฆะแต่ขอให้มีหน้าที่ชำระให้โจทก์เพียง ๒๐,๒๐๐ บาทซึ่งเป็นการที่จำเลยขอนำสืบจำนวนหนี้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารสัญญาจำนองต้องห้ามมิให้นำสืบตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๙๔ จำเลยต้องรับผิดตามหนังสือสัญญาจำนอง
พิพากษายืน

Share