คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องกล่าวความว่าจำเลยใช้กำลังทำร้ายเจ้าทุกข์เพื่อที่จะเอาทรัพย์ของเจ้าทุกข์ไปเพียงเท่านี้ย่อมเป็นมูลความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาต้องแสดงว่าจำเลยเอาทรัพย์ไปโดยเจตนาทุจจริตคิดเป็นโจรลักทรัพย์อย่างใด คดีที่ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปพิจารณาพิพากษาใหม่นั้น แม้ศาลได้นัดพิจารณาแลเลื่อนการพิจารณาไปจำเลยก็ยังฎีกาได้ภายในอายุความ+

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับพวกอีกคนหนึ่ง ใช้กำลังเข้าทำร้ายเจ้าทุกข์มีบาทเจ็บเพื่อที่จะเอาทรัพย์ของเจ้าทุกข์ไปและได้ยื้อแย่งเอามีด ๑ เล่มกับปืนแก๊ปของเจ้าทุกข์ไปด้วย และครั้นพวกเจ้าทุกติดตามไปจำเลยกลับใช้อาวุธปืนขู่จะทำร้ายเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๙๘-๒๙๙
ศาลชั้นต้นสั่งงดพะยานโจทก์แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ อ้างว่าฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าการกระทำของจำเลยเข้าองค์เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะในฟ้องหาได้แสดงว่าจำเลยทำการลักทรัพย์หรือเอาทรัพย์ไปโดยเจตนาทุจจริตคิดเป็นโจรลักทรัพย์แต่อย่างใดไม่
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องของโจทก์ระบุเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว จึงย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นนัดพิจารณาแล้ว ครั้นถึงวันนัดศาลสูงยืมสำนวนไปประกอบการพิจารณาคดีอื่น จึงเลื่อนการพิจารณาไป จำเลยยื่นฎีกาแต่ยังอยู่ภายในอายุความ
ศาลฎีกาตัดสินว่าฟ้องของโจทก์กล่าวความไว้ชัดแล้วว่าจำเลยทำร้ายเจ้าทุกข์เพื่อเอาทรัพย์และได้ยื้อแย่งมีดชุยของเจ้าทุกข์ไปได้ เห็นว่ามีมูลเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว ไม่ต้องมีข้อความอื่นอีกจึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share