คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกร้องที่ดินราคาสูงจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของสามีและจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกในระหว่างคดีศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมมาแล้วหลายครั้ง จึงมีเหตุเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)ที่จะสืบตัวจำเลยที่ 2 เป็นพยานเพิ่มเติมตามคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยที่ 2 ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และนายงุ่ย แซ่ลิ้ม สามีได้ร่วมกันบุกเบิกถากถางที่ดินตำบลทัพหลวง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตั้งแต่พ.ศ. 2475 แล้วครอบครองทำประโยชน์ตลอดมามีเนื้อที่ 48 ไร่ ครั้นแจ้งการครอบครองในปี พ.ศ. 2498 โจทก์ตกลงให้นายงุ่ย แซ่ลิ้ม และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรแจ้งการครอบครองเฉพาะจำเลยที่ 1 เป็นการใส่ชื่อแทนโจทก์ และขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 14 หน้า 97 เล่ม 32 (3) หมู่ 6 (15) ตำบลหนองงูเหลือม(ทัพหลวง) อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม แทนโจทก์เช่นเดิมต่อมา พ.ศ. 2519 นายงุ่ยยกที่ดินส่วนของตนให้นายเท่งเชียง แซ่ลิ้มและเมื่อขอออกโฉนดที่ดินดังกล่าว โจทก์ให้จำเลยที่ 1 และนายเท่งเชียงออกโฉนดแทนโจทก์ เจ้าหน้าที่ได้ออกโฉนดเลขที่ 29323ตำบลหนองงูเหลือม (ทัพหลวง) อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐมเนื้อที่ 48 ไร่ 56 ตารางวา ให้จำเลยที่ 1 และนายเท่งเชียง ซึ่งความเป็นจริงที่ดินเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่ง มีจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน วันที่ 18 สิงหาคม 2524 จำเลยที่ 1 ได้ลักลอบโอนที่ดินส่วนที่ถือกรรมสิทธิ์แทนโจทก์ราคาประมาณ 200,000 บาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 รู้ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ ทำให้โจทก์เสียหาย และจำเลยที่ 2 ไม่ได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ ขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 29323 ตำบลหนองงูเหลือม (ทัพหลวง) อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ส่วนที่จำเลยที่ 1 โอนให้จำเลยที่ 2แล้วให้จำเลยที่ 1 โอนโฉนดคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ยอมโอนหรือกระทำไม่ได้ ขอให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ซึ่งหากบังคับตามความดังกล่าวไม่ได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าที่ดิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์และนายงุ่ย แซ่ลิ้ม เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 29323 และได้ยกให้จำเลยที่ 1 ครึ่งหนึ่ง จำเลยและ นายงุ่ยได้แจ้งการครอบครองขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) ในนามของจำเลยและนายงุ่ยตลอดมา ครั้นขอออกโฉนดนายงุ่ยได้ยกส่วนของตนให้นายเท่งเชียง จำเลยที่ 1 และนายเท่งเชียง จึงขอออกโฉนดมีชื่อจำเลยที่ 1 และนายเท่งเชียงเป็นเจ้าของ จำเลยที่ 11 ถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของตลอดมา บุตรโจทก์ได้ข่มเหงรังแกจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องร้องเป็นคดี จำเลยที่ 1 จึงขายที่ดินส่วนของตนให้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อจะย้ายไปอยู่ที่อื่น และเป็นค่าใช้จ่ายต่อสู้คดี โจทก์ทราบ ไม่เคยคัดค้านหรือเข้ามาเกี่ยวข้องทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมากกว่า 10 ปี จึงขาดอายุความไม่มีสิทธิเรียกที่ดินคืน และจำเลยที่ 2 รับซื้อโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนเป็นเงิน 60,000บาท แต่จดทะเบียนซื้อขายเพียง 150,000 บาท และจำเลยที่ 1 รับไปครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้โอนโฉนดที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือเรียกค่าเสียหายได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินโฉนดเลขที่29323 ตำบลหนองงูเหลือม (ทัพหลวง) อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ทำขึ้นวันที่ 18 สิงหาคม 2524ให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนโฉนดคืนแก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และหากไม่สามารถทำได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมกำหนดเป็นค่าทนายความ 2,000บาท แทนโจทก์ด้วย
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 2 และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ปัญหาที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาในชั้นนี้มีเพียงข้อเดียวว่า คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2526 ที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ระบุอ้างตนเองเป็นพยานเพิ่มเติมนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบหรือไม่ พิเคราะห์แล้วปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าจำเลยทั้งสองแต่งตั้งทนายความคนแรกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2524 ศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานโจทก์นัดแรกวันที่15 กุมภาพันธ์ 2525 และเลื่อนไปวันที่ 22 เมษายน 2525 ทนายความคนแรกของจำเลยทั้งสองได้ยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยทั้งสองลงวันที่31 มีนาคม 2525 ว่า “1.นายกิมเท้ง แซ่ลิ้ม จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน2.นางเล็ก แซ่ลิ้ม ฯลฯ” ต่อมาทนายความป่วย และจำเลยที่ 2 ได้แต่งตั้งทนายความคนที่สองและคนที่สามเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 17สิงหาคม 2525 และวันที่ 28 กรกฎาคม 2526 ตามลำดับ จนวันที่ 26สิงหาคม 2526 ทนายโจทก์แถลงหมดพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 เพิ่งยื่นคำร้องขอระบุตัวจำเลยที่ 2 เป็นพยานเพิ่มเติม ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน2526 เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องที่ดินราคาสูงจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของสามี และจากจำเลยที่ 2บุคคลภายนอก นอกจากนี้ในระหว่างคดี ศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมมาแล้วหลายครั้ง จึงมีเหตุเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะสืบตัวจำเลยที่ 2 เป็นพยานเพิ่มเติมตามคำร้องจำเลยที่ 2 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2) ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยที่ 2 ตามคำร้องลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2525 และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share