คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6059/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)มีข้อกำหนดห้ามโอนภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 31โจทก์ซื้อที่พิพาทจากนาย ส. และเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทตลอดมา นิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับนายส.เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113(เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะทำสัญญา คู่กรณีต้องกลับสู่ฐานะเดิม โดยถือเสมือนหนึ่งว่าไม่มีการทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินกัน แต่การที่โจทก์ยังยึดถือครอบครองที่ดินตลอดมาทั้งภายใน 10 ปี และหลัง 10 ปีนับจากวันห้ามโอนแล้ว โจทก์จะได้สิทธิครอบครองในที่ดินหรือไม่เพียงใดต้องแล้วแต่ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ยึดถือที่ดินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนหรือไม่ ไม่มีกฎหมายใดให้สิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องหรือร้องขอต่อศาลว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2519 โจทก์ได้ซื้อที่ดินแปลงหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 214เนื้อที่ 15 ไร่ 60 ตารางวา จากนายสาย แต่มิได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวมีข้อกำหนดห้ามโอนไว้ภายในระยะเวลา 10 ปี โจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว โดยเจตนายึดถือเป็นของตนเอง ไม่มีบุคคลใดเข้าโต้แย้งคัดค้านนับถึงปัจจุบันเป็นเวลา 14 ปีแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง เมื่อประมาณต้นเดือนกรกฎาคม 2533 จำเลยได้เข้ารบกวนการครอบครองของโจทก์ด้วยการเข้ามาไถต้นมันสำปะหลังตามแนวเขตที่ดินทั้งสี่ด้าน ขอให้พิพากษาว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 214 โจทก์เป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินและให้เจ้าพนักงานที่ดินเพิกถอนชื่อนายสายออกเสียจากการเป็นผู้ได้ครอบครองและจดชื่อของโจทก์ไว้แทน ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่ดิน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ฝ่ายเดียวแล้ว พิพากษาห้ามมิให้จำเลยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 214 คำขออื่นของโจทก์ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 214 ตำบลนายายอาม อำเภอท่าใหม่จังหวัดจันทบุรี หรือไม่ เห็นว่า ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เอกสารหมาย จ.2 ได้ห้ามโอนไว้ภายในกำหนด 10 ปีตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 31 ดังนั้น นิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับนายสายเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายย่อมตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา113 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะทำสัญญา คู่กรณีต้องกลับสู่ฐานะเดิมโดยถือเสมือนหนึ่งว่าไม่มีการทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินกัน แต่การที่โจทก์ยังยึดถือครอบครองที่ดินตลอดมาทั้งภายในเวลา 10 ปี และหลัง 10 ปี นับจากวันห้ามโอนแล้ว โจทก์จะได้สิทธิครอบครองในที่ดินหรือไม่เพียงใดแล้วแต่ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ยึดถือที่ดินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนหรือไม่ ไม่มีกฎหมายใดให้สิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องหรือร้องขอต่อศาลว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง
พิพากษายืน

Share