แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายเนื่องจากหนี้สินของบุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวน โดยบุคคลภายนอกเป็นผู้ชำระแทนจำเลย และคำสั่งดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว ลูกหนี้ผู้ล้มละลายย่อมหลุดพ้นจากการล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมหมดอำนาจในการจัดการรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินของบุคคลล้มละลายทั้งนี้โดยไม่ต้องคำนึงว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะได้ประกาศโฆษณาคำสั่งยกเลิกการล้มละลายในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือไม่ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สิ้นสุดอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้แล้วผู้ร้องจึงไม่อาจขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อายัดหรือระงับการจ่ายเงินที่บุคคลภายนอกนำมาชำระหนี้แทนจำเลย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลายแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1920ซึ่งโจทก์ยึดไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9260/2536 ของศาลชั้นต้นและยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 134535 มาไว้ในคดีนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดทั้งสองรายการโดยอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ระหว่างการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ บริษัทพระราม 9 ค้าที่ดิน จำกัด ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้นำเงินจำนวน 18,016,734 บาท มาชำระหนี้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แทนจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งถอนการยึดและให้จดทะเบียนระงับการจำนองที่ดินทั้งสองแปลงและขอให้ศาลยกเลิกการล้มละลาย เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายแล้ว ในวันเดียวกันจำเลยที่ 1 ได้โอนขายที่ดินทั้งสองแปลง โดยที่ดินโฉนดเลขที่ 134535 ได้โอนขายให้แก่บริษัทพระราม 9 ค้าที่ดิน จำกัด ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อายัดหรือระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน หรืออายัดเงินส่วนที่เหลือซึ่งหักจากการที่ผู้ร้องเป็นหนี้โจทก์ในต้นเงินจำนวน1,000,000 บาท ไว้และจ่ายให้แก่ผู้ร้องก่อน แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องโดยให้เหตุผลว่าเงินจำนวนดังกล่าวที่บริษัทพระราม 9 ค้าที่ดิน จำกัด ได้ชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 นั้น เป็นการชำระหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดในคดีล้มละลายซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องรวบรวมไว้เพื่อจัดการแบ่งให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ และการชำระเงินดังกล่าวก็ไม่ใช่การชำระราคาที่ดินหรือมีความเกี่ยวพันกับที่ดินที่จำเลยที่ 1ได้ขายไป ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ดังกล่าวโดยขอให้มีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จ่ายเงินจำนวน 18,016,734 บาท แก่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์และให้จ่ายเงินดังกล่าวแก่ผู้ร้องในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแทน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายคดีนี้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2532 เพราะหนี้สินของบุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวน แล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 135(3) ผู้ร้องจึงไม่อาจขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เกี่ยวกับที่ดินที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นของผู้ร้องในคดีนี้ได้อีก ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า หลังจากที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1920 กับโฉนดเลขที่134535 ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 ในโฉนดที่ดินเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์มาไว้ในคดีนี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2531 ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ปล่อยการยึดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง แต่ได้ลงชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนครั้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2532ในระหว่างการสอบสวนพยานของผู้ร้องบริษัทพระราม 9 ค้ำที่ดินจำกัด ได้นำเงินจำนวน 18,016,734 บาท มาชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงได้มีหนังสือถึงสำนักงานที่ดินแจ้งถอนการยึดและให้จดทะเบียนระงับการจำนอง และได้รายงานศาลขอให้ยกเลิกการล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2532 ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้สั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องที่ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดและยกคำร้องที่ขออายัดหรือระงับการจ่ายเงินแก่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์โดยให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จ่ายเงินดังกล่าวแก่ผู้ร้องในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ร้องมีอำนาจขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อายัดหรือระงับการจ่ายเงินดังกล่าวแก่โจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายเนื่องจากหนี้สินของบุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 135 (3) และคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวถึงที่สุด โดยผู้ร้องมิได้โต้แย้งและไม่อาจโต้แย้งคำสั่งของศาลดังกล่าวได้ ลูกหนี้ผู้ล้มละลายย่อมหลุดพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย อำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการจัดการรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายย่อมหมดไปโดยไม่ต้องคำนึงว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งยกเลิกการล้มละลายในราชกิจจานุเบกษาดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 138 แล้วหรือไม่ เพราะการประกาศโฆษณาดังกล่าวเพียงเพื่อให้บุคคลทั่วไปทราบถึงสถานะของจำเลยซึ่งเคยเป็นบุคคลล้มละลายว่ามีการยกเลิกการล้มละลายแล้วเท่านั้นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายสิ้นสุดลงเมื่อศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย หาใช่สิ้นสุดลงเมื่อมีการโฆษณาคำสั่งดังกล่าวดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สิ้นสุดอำนาจในการจัดการทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อายัดหรือระงับการจ่ายเงินตามที่ร้องขอได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน