แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในสัญญาจำนองปรากฏว่า กลายเป็นผู้รับจำนองแต่ผู้เดียว แม้จำเลยนำสืบว่า จำเลยได้ออกเงินร่วมกับผู้ตายในการรับจำนองนั้นไม่เป็นการสิบแก้ไข้เอกสาร หาต้องห้ามตามกฎหมายไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องสำหรับทรัพย์มฤดกที่ยังมีอยู่นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องน้น ย่อมทำไม่ได้ เพราะเป็นการยืดอายุความไม่เป็นธรรมแก่จำเลย
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรนายเต๋า ผู้ตายเจ้ามฤดก นายเต๋าถึงแก่ความตายโดยไม่ทำพินัยกรรม์ไว้ ทายาทผุ้มีสิทธิรับมฤดกคงมีแต่โจทก์จำเลยเท่านั้น ทรัพย์ของผู้ตายจำเลยครอบครองไว้ โจทก์จึงฟ้องขอแบ่ง และขอให้ศาลสั่งตั้งสิทธิเรียกร้องสำหรับทรัพย์สินมฤดกที่ยังมีอยู่ นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้อง เพื่อแก่การที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องในโอกาศต่อไป
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้แบ่งทรัพย์มฤดกที่ฟังว่าเป็นของผู้ตายให้แก่โจทก์จำเลยคนละครึ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะปรากฏว่า ผู้ตายเป็นผู้รับจำนองที่ดินโฉนดที่ ๗๓๗๙ แต่ผู้เดียว จำเลยนำพะยานสืบว่า จำเลยได้ออกเงินร่วมกับผู้ตายในการรับจำนอง ก็ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายอย่างไร
การที่ศาลมิสั่งเรื่องโจทก์ขอให้ศาลสั่งตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องสำหรับทรัพย์มฤดกที่ยังมีอยู่นอกจากบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การขอสิทธิเช่นนี้ในคดีมฤดกย่อมทำไม่ได้ เพราะเป็นการยืดอายุความ ไม่เป็นธรรมแก่จำเลย
จึงพิพากษายืน