แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ชื่อจำเลยในฟ้องตามที่โจทก์เสนอต่อศาลแต่แรกผิดเพี้ยนกับชื่อของจำเลยเพียงเล็กน้อย จำเลยได้เข้ามายื่นคำให้การในฐานะจำเลย มิได้อ้างว่าไม่ใช่จำเลยที่โจทก์ฟ้อง และโจทก์ก็มิได้คัดค้านว่าจำเลยมิใช่บุคคลที่โจทก์ฟ้องเป็นจำเลย พฤติการณ์แสดงว่าเป็นที่เข้าใจกันตลอดมาว่าจำเลยที่โจทก์ฟ้องคือบริษัท ช. จำเลยที่เข้ามาต่อสู้คดีนั่นเอง การแก้ไขชื่อจำเลยให้ตรงต่อความจริงตามที่เข้าใจกันอยู่แล้วเช่นนี้ ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรา 21 และมาตรา 181 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง. แม้ศาลชั้นต้นได้ยอมรับการแก้ไขโดยมิได้ฟังจำเลยก่อน และมิได้ส่งสำเนาคำร้องแก่จำเลย ก็หาถึงกับเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่
เมื่อลูกจ้างจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย แม้โจทก์ยังมิได้ซ่อมรถที่เสียหาย โจทก์ก็สามารถนำสืบถึงค่าซ่อมและค่าเสื่อมสภาพรถที่จำเลยจะต้องชดใช้ให้โจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีลูกจ้างจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์โจทก์เสียหาย โดยเรียกค่าเสียหาย 58,400 บาท
จำเลยให้การว่า ผู้ฟ้องแทนไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ที่เสียหาย ผู้ขับไม่ได้เป็นลูกจ้างขับรถในทางการที่จ้างของจำเลย และมิได้ขับรถโดยประมาท ทั้งปฏิเสธว่าค่าเสียหายไม่มากตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 25,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องบริษัทรัชฎาเฟอร์นิเจอร์และก่อสร้างจำกัด เป็นจำเลย โดยกล่าวในฟ้องและนำสืบว่านายเสนาะเป็นลูกจ้างของจำเลย ซึ่งหมายถึงเป็นลูกจ้างของบริษัทรัชฎาเฟอร์นิเจอร์และก่อสร้างจำกัด ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ขอแก้ชื่อบริษัทดังกล่าวเป็นชื่อบริษัทจำเลยแล้วจำเลยไม่เคยทราบและศาลชั้นต้นไม่เคยพิจารณาวินิจฉัยคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 และมาตรา 181จึงต้องถือว่านายเสนาะไม่ได้เป็นลูกจ้างและขับรถในทางการที่จ้างให้บริษัทจำเลย พิเคราะห์แล้วได้ความว่า คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องบริษัทรัชฎาเฟอร์นิเจอร์และก่อสร้าง จำกัด เป็นจำเลย ครั้นสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จ ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อจำเลยจากบริษัทรัชฎาเฟอร์นิเจอร์และก่อสร้าง จำกัด เป็นบริษัทรัชฎาเฟอร์นิเจอร์และก่อสร้าง จำกัด ศาลชั้นต้นมิได้ฟังจำเลยก่อน ได้มีคำสั่งอนุญาตและสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องแก่จำเลยแต่ไม่ปรากฏว่าได้ส่งสำเนาคำร้องตามคำสั่ง เห็นว่าชื่อจำเลยตามฟ้องที่เสนอแต่แรกผิดเพี้ยนกับชื่อของจำเลยเพียงเล็กน้อย จำเลยได้เข้ามายื่นคำให้การในฐานะจำเลย มิได้อ้างว่าไม่ใช่จำเลยที่โจทก์ฟ้อง และโจทก์ก็มิได้คัดค้านว่าจำเลยมิใช่บุคคลที่โจทก์ฟ้องเป็นจำเลย พฤติการณ์แสดงว่าเป็นที่เข้าใจกันตลอดมาว่าจำเลยที่โจทก์ฟ้องคือบริษัทรัชฎาเฟอร์นิเจอร์และก่อสร้าง จำกัดจำเลยที่เข้ามาต่อสู้คดีนั้นเอง การแก้ไขชื่อจำเลยให้ตรงต่อความจริงตามที่เข้าใจกันอยู่แล้วเช่นนี้ ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรา 21 และ181 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แม้ศาลชั้นต้นได้ยอมรับการแก้ไขโดยมิได้ฟังจำเลยก่อน และมิได้ส่งสำเนาคำร้องแก่จำเลย หาถึงกับเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ จึงไม่มีเหตุที่จะต้องถือว่า นายเสนาะไม่ใช่ลูกจ้างและขับรถในทางการที่จ้างให้บริษัทจำเลยดังจำเลยฎีกา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่านายเสนาะเป็นลูกจ้างของจำเลยกระทำการในทางการที่จ้างศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ยังมิได้ซ่อมรถยนต์จี๊บวิลลี่หมายเลขทะเบียนก.ท.บ-7178 โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าซ่อม ถ้ามีการซ่อมจริงก็ไม่ถึง 21,000 บาทส่วนค่าเสื่อมสภาพไม่มีเพราะยังไม่ได้ซ่อมรถและรถโจทก์เป็นรถเก่า ทั้งพยานโจทก์ก็เบิกความว่าโจทก์จะไม่ซ่อมรถนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อลูกจ้างของจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์เสียหายโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย แม้โจทก์ยังมิได้ซ่อมรถที่เสียหาย โจทก์ก็สามารถนำสืบถึงค่าซ่อมและค่าเสื่อมสภาพรถที่จำเลยจะต้องชดใช้ให้โจทก์ได้ พิเคราะห์ภาพถ่ายเอกสารหมาย ภ.จ.1 ถึงหมาย ภ.จ.3ประกอบกับใบเสนอราคาของอู่พินิจกลการ เอกสารหมาย จ.10 ปรากฏว่ารถโจทก์เสียหายมากต้องซ่อมหลายรายการ และโจทก์มีนายจั้วลูกจ้างอู่พินิจกลการเบิกความว่า ได้ตีราคาซ่อมรถโจทก์เป็นเงิน 21,000 บาทเห็นว่าน่าเชื่อถือ ที่จำเลยอ้างว่าถ้าซ่อมจริงก็ไม่ถึง 21,000 บาท เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน ส่วนค่าเสื่อมสภาพนั้นแม้รถโจทก์เป็นรถเก่า แต่เมื่อถูกชนต้องซ่อมมาก ราคาก็ย่อมลดลงกว่ารถเก่าที่ไม่ถูกชนจึงมีค่าเสื่อมสภาพ และที่จำเลยอ้างว่าพยานโจทก์เบิกความว่าโจทก์จะไม่ซ่อมรถนั้น ปรากฏว่าหามีพยานโจทก์ปากใดเบิกความเช่นนั้นไม่ ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าซ่อมรถยนต์โจทก์ 21,000บาท ค่าเสื่อมสภาพ 4,000 บาท เหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน