คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ เป็นของโจทก์กับสามีสามีโจทก์ตายไป 7 ปีแล้ว แต่ก่อนตายสามีโจทก์ได้เรียกบุตรทุกคนมาสั่งต่อหน้าว่าที่พิพาทนี้ถ้าสามีโจทก์ตายให้เป็นของโจทก์หรือถ้าโจทก์ตายก่อนก็ให้เป็นของสามีโจทก์ เมื่อสามีโจทก์ตายแล้วโจทก์ก็ครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองตามที่สามีโจทก์สั่งไว้จำเลยผู้เป็นบุตรคนหนึ่งมิได้ครอบครองที่พิพาท เมื่อโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทเป็นของตนมาตั้งแต่สามีตายเกิน 1 ปีแล้วและที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า ทายาทอื่นจึงเรียกเอาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 สิทธิที่จะรับมรดกของจำเลยจึงเป็นอันหมดไปจะอ้างว่ายังเป็นมรดกของบิดาอยู่อีกไม่ได้ ที่พิพาทย่อมเป็นของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ 3 แปลง เป็นของโจทก์และนายปลั่งสามีโจทก์มาราว 50 ปีแล้ว นายปลั่งตายไปแล้วราว 7 ปีก่อนตายนายปลั่งได้ยกที่พิพาทส่วนของนายปลั่งให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว โจทก์ครอบครองเกินกว่า 1 ปี ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2503 จำเลยซึ่งเป็นบุตรได้ยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินนายปลั่ง 3 แปลงนี้โดยจำเลยและบุตรทุกคนทราบดีแล้วว่านายปลั่งได้ยกให้โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิรับมรดก โจทก์บอกให้ถอนคำร้องก็ไม่ยอม ขอให้พิพากษาว่าที่ 3 แปลงนี้เป็นของโจทก์ จำเลยขาดสิทธิรับมรดก

จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอรับมรดกที่พิพาทตามสิทธิของจำเลยนายปลั่งไม่เคยยกให้โจทก์ โจทก์มิได้ครอบครองแต่ผู้เดียว จำเลยได้ครอบครองร่วมกับทายาททุกคน มิได้ทอดทิ้งสละสิทธิ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทั้ง 3 แปลง โจทก์มีสิทธิครอบครองไม่ใช่มรดกของนายปลั่ง

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า ก่อนตาย 3 เดือน นายปลั่งได้เรียกบุตรทุกคนมาสั่งต่อหน้าว่า ที่พิพาท 3 แปลงนี้ถ้านายปลั่งตายให้เป็นของโจทก์เก็บกินตอนแก่ ถ้าโจทก์ตายก่อนก็ให้เป็นของนายปลั่งเก็บกินตอนแก่เช่นกัน ถึงแม้จะไม่มีผลเป็นนิติกรรมยกให้แต่ก็ยังมีผลเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์ว่าเมื่อนายปลั่งตายแล้ว โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองตามที่นายปลั่งสั่งไว้ มิใช่ครอบครองเพื่อทายาททั้งหลายด้วย หากจำเลยถือว่าเป็นมรดก ไม่ยอมรับรู้คำสั่งของบิดาจำเลยก็ต้องแสดงสิทธิของตนเข้าครอบครองที่พิพาท แต่โจทก์ครอบครองและเก็บผลประโยชน์จากที่พิพาทแต่ผู้เดียวจำเลยมิได้ครอบครองที่พิพาท เมื่อเป็นเช่นนี้ จำเลยมิได้แสดงสิทธิที่จะรับมรดกของนายปลั่งแต่อย่างใด โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทเป็นของตนมาตั้งแต่นายปลั่งตายเกิน 1 ปีแล้ว ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า ทายาทอื่นจึงเรียกเอาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 สิทธิที่จะรับมรดกของจำเลยจึงเป็นอันหมดไป ที่ศาลล่างพิพากษาให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ชอบแล้ว พิพากษายืน

Share