แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมและวาระเดียวกัน เมื่ออัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและศาลได้พิพากษาลงโทษ จำเลยฐานทำร้ายร่างกาย คดีถึงที่สุดแล้วผู้เสียหายจะมาฟ้องจำเลยหาว่าชิงทรัพย์ โดยใช้กำลังทำร้ายร่างกายอีกไม่ ได้ เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4)./
(อ้างฎีกาที่ 168/2489)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยชิงทรัพย์โจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม,ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๘, ๒๙๙.
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยครั้งนี้ อัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยตามคดีอาญาดำที่ ๔๐๘/ ๒๔๙๕ ฐานทำร้ายร่างกายศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะมาฟ้องคดีนี้อีกไม่ได้ เพราะเป็นการกระทำอันเดียวกัน ต้องห้ามตามวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙(๔) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมและวาระเดียวกัน เมื่ออัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ และศาลได้ พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย คดีถึงที่สุดเด็ดขาดไปแล้ว โจทก์จะนำคดีอันเดียวกันนี้มาฟ้องเป็นคดีนี้อีก ไม่ได้ จึงพิพากษายืน.