แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,83. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ปรับจำเลยคนละ 500 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ดังนี้ โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ปัญหาที่ว่า จำเลยสมคบกับผู้อื่นทำร้ายผู้เสียหายหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83 จำคุกคนละ 1 ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พฤติการณ์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามและนายสมศักดิ์จำเลยในคดีอื่น สมคบกันทำร้ายผู้เสียหาย และการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่ปรากฏว่าทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดแผลแม้แต่ฟกช้ำ พิพากษาแก้ ว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 ให้ปรับคนละ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับ จัดการตามมาตรา 29, 30
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ลงโทษปรับจำเลยคนละ 500 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ดังนี้ โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โจทก์ฎีกาว่าบาดแผลที่จำเลยทั้งสามทำร้ายผู้เสียหายนั้น อย่างน้อยก็ฟกช้ำ และจำเลยทั้งสามสมคบกับนายสมศักดิ์ทำร้ายผู้เสียหาย ควรมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกับนายสมศักดิ์ ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์