แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตัวแทนของบริษัทจำเลยได้ไปขอซื้อรถยนต์จิ๊บให้จำเลยจากบริษัทโจทก์โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ค้าโภคภัณฑ์ โจทก์ไม่จำต้องเรียกเก็บภาษีการซื้อโภคภัณฑ์และภาษีบำรุงเทศบาลจากบริษัทจำเลยโจทก์หลงเชื่อจึงมิได้เรียกเก็บ ภายหลังกรมสรรพากรตรวจพบว่าบริษัทจำเลยมิได้จดทะเบียนการค้าโภคภัณฑ์จึงเรียกเก็บเพิ่มอีกหนึ่งเท่าจากบริษัทโจทก์ โจทก์ได้เสียไปแล้วดังนี้ โจทก์ย่อมเรียกเงินค่าภาษีที่เสียทั้งสิ้นจากจำเลยได้เพราะเป็นผลเสียหายโดยตรงอันเนื่องมาจากจำเลย
ย่อยาว
ได้ความว่านายสหัสตัวแทนบริษัทจำเลยที่ 2 ได้มาติดต่อซื้อรถยนต์จิ๊บไปจากบริษัทโจทก์รวม 3 คัน โดยนายสหัสแจ้งว่าบริษัทจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้าโภคภัณฑ์ ไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บค่าภาษีการซื้อโภคภัณฑ์และภาษีบำรุงเทศบาลจากจำเลย โจทก์หลงเชื่อจึงมิได้เรียกเก็บต่อมากรมสรรพากรตรวจพบว่าจำเลยที่ 2 มิได้เป็นผู้ค้าโภคภัณฑ์ จึงสั่งให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มอีกหนึ่งเท่าเป็นเงิน 42,240 บาท โจทก์ชำระไปแล้ว เรียกคืนจากจำเลยไม่ได้จึงฟ้องเป็นคดีนี้
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากนายสหัสตัวแทนของจำเลยเป็นผู้ก่ออันมิชอบ ภายหลังจำเลยยอมรับผลได้แก่ตนตามการกระทำของนายสหัส ทำให้โจทก์เสียหายเช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสิ้นที่โจทก์เสียไปเพราะเป็นผลเสียหายโดยตรงอันเนื่องมาจากฝ่ายจำเลย
พิพากษายืน