คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6007/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครระบุว่าจำเลยที่ 2 มีวัตถุประสงค์รับจ้างขนส่งสินค้าโดยทางบกและทางน้ำ ผู้ตราส่งเป็นผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้บรรทุกสินค้าจากโกดังสินค้าของผู้ตราส่งไปยังการท่าเรือแห่งประเทศไทย และชำระเงินค่าจ้างขนส่งให้จำเลยที่ 2 ถือว่าจำเลยที่ 2 ทำการรับขนของเพื่อบำเหน็จในทางการค้าปกติของตน ย่อมเป็นผู้ขนส่งตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 608 จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของบริษัทน.ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ ณประเทศสิงคโปร์ รับจ้างบริษัทล. ผู้ตราส่งบรรทุกสินค้าลงเรือเพื่อขนส่งไปยังเมืองฮ่องกงทั้งออกใบตราส่งให้แก่ผู้ตราส่งการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนทำสัญญารับขนส่งกับ บริษัทล.ผู้ตราส่งแทนบริษัทน.ผู้ขนส่งตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและภูมิลำเนาในต่างประเทศ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามสัญญานั้นแต่ลำพังตนเอง โจทก์ผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายในการที่สินค้าสูญหายให้แก่บริษัทท.ผู้รับตราส่งซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยไปแล้ว โจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของบริษัทล.ผู้เอาประกันภัย และบริษัทท.ผู้รับประโยชน์มาฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2ผู้ขนส่ง และจำเลยที่ 3 ผู้ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ให้รับผิดเพราะเหตุสินค้าที่ทำการขนส่งสูญหายได้ แม้ตามหนังสือโอนสิทธิที่บริษัทท.ผู้รับประโยชน์จะได้โอนบรรดาสิทธิเกี่ยวกับสินค้าที่เอาประกันภัยไว้ให้โจทก์เรียกร้องเอาจากบริษัทน.และห้างหุ้นส่วนจำกัดน.ก็ตาม หาทำให้โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้องจำเลยทั้งสามแต่ประการใด การที่บริษัทล.ผู้ตราส่งลงชื่อสลักหลังโอนใบตราส่งให้แก่บริษัทท.เพื่อให้บริษัทท.นำใบตราส่งเป็นหลักฐานในการรับสินค้ามิใช่บริษัทล.ผู้ตราส่งแสดงความตกลงชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดกับจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่ง ข้อยกเว้นและจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามที่จำเลยที่ 1 อ้างว่ามีอยู่ในใบตราส่งจึงตกเป็นโมฆะ เมื่อตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าถูกลากจูงไปถึงโกดังของบริษัทท.ผู้รับตราส่งบริษัทส.ได้ทำการสำรวจสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์พบว่าสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์สูญหายไปทั้งหมดกรณีจึงมิใช่บริษัทท.ผู้รับตราส่งได้รับเอาของไว้แล้วโดยไม่อิดเอื้อน อันจะทำให้ความรับผิดของจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 623 การที่บริษัทล.ผู้ตราส่งว่าจ้างจำเลยที่ 2 ให้เป็นผู้ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ของจำเลยที่ 1 มายังบริษัทล.เพื่อบรรจุสินค้าลงในตู้ เมื่อบรรจุสินค้าแล้วได้ให้จำเลยที่ 2 ลากตู้คอนเทนเนอร์ไปยังการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อส่งให้แก่จำเลยที่ 1 นั้นสัญญารับขนระหว่างบริษัทล.กับจำเลยที่ 2 เป็นคนละฉบับไม่เกี่ยวข้องกันกับสัญญารับขนระหว่างบริษัทล.กับจำเลยที่ 1จึงมิใช่เป็นการขนส่งโดยมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอด ค่าสำรวจสินค้าที่ผู้รับตราส่งเป็นผู้ว่าจ้างบริษัทผู้นำสำรวจมาทำการสำรวจสินค้ามิใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญารับขนของจำเลยที่ 1 โจทก์จึงเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในค่าสำรวจสินค้าไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการค้ารับขนส่งทางทะเลและเป็นตัวแทนในประเทศไทยในการร่วมกันรับขนส่งทางทะเลและทั่วไปของบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด ซึ่งมีสำนักงานในประเทศสิงคโปร์จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 3เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการรับขนทั่วไปเมื่อเดือนกันยายน 2523 บริษัทเท็กซ์ไทล์ อัลไลแอนซ์ จำกัดที่เมืองฮ่องกงได้สั่งซื้อสินค้าผ้าฝ้ายจากบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย)จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ขายในประเทศไทยจำนวน 314 พับ โดยผู้ขายจะต้องบรรทุกสินค้าผ้าฝ้ายไปทางเรือเพื่อส่งให้แก่ผู้ซื้อซึ่งจำเลยทั้งสามร่วมกันรับขน โดยจำเลยที่ 1 ได้จัดตู้คอนเทนเนอร์ของจำเลยที่ 1 ไปรับสินค้าไปจากโกดังของผู้ขาย มีรถของจำเลยที่ 2 ที่ 3ลากจูงตู้คอนเทนเนอร์เพื่อไปลงเรือเดินทะเลชื่อเนปจูนโทพาซที่ท่าเรือคลองเตยไปยังผู้ซื้อที่เมืองฮ่องกง จำเลยที่ 1 ได้ออกใบตราส่งให้บริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด สินค้าดังกล่าวบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ผู้ขายได้เอาประกันภัยในการขนส่งไว้กับโจทก์เป็นเงิน 539,454 เหรียญฮ่องกง มีบริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์จำกัด ผู้ซื้อเป็นผู้รับประโยชน์ ต่อมาสินค้าผ้าได้สูญหายไปในระหว่างการขนส่ง บริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัด ผู้รับประโยชน์เรียกร้องให้โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยเป็นเงิน539,454 เหรียญฮ่องกง คิดเป็นเงินไทย 2,166,538.80 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 2,193,679.40 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเรือต่างประเทศที่รับส่งสินค้าระหว่างประเทศไทยกับเมืองท่าต่างประเทศ จำเลยที่ 1เป็นตัวแทนเรือของบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศสิงค์โปร์โดยรับจัดทำพิธีการเกี่ยวกับการนำเรือเข้าออกแทนบริษัทดังกล่าว ไม่ได้ร่วมกันรับขนส่งทางทะเล จำเลยที่ 1ไม่ได้ร่วมรับขนสินค้ารายพิพาทกับจำเลยที่ 2 ที่ 1 หรือกับเจ้าของเรือเนปจูนโทพาซ บริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ผู้ส่งสินค้าจะส่งสินค้ารายพิพาทโดยทางเรือเนปจูนโทพาซโดยวิธีบรรจุสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด จำเลยที่ 1ในฐานะตัวแทนของบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด ผู้ขนส่งได้จัดตู้คอนเทนเนอร์เปล่าให้ผู้ส่งสินค้า บริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัดผู้ตราส่งหรือผู้ส่งสินค้าได้จ้างให้จำเลยที่ 2 นำรถพ่วงของจำเลยที่ 2 ไปลากจูงตู้คอนเทนเนอร์ไปส่งมอบให้บริษัทผู้ส่งสินค้าณ โรงงานของผู้ส่งสินค้า ผู้ส่งสินค้านำตู้คอนเทนเนอร์ไปบรรจุและตรวจนับจำนวนสินค้าเอง ผู้ขนส่งหรือตัวแทนเรือมิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวการตรวจนับการบรรจุสินค้า หลังจากนั้นจำเลยที่ 2 ได้ลากจูงตู้คอนเทนเนอร์ให้ผู้ส่งสินค้าโดยผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ศุลกากรมีการปิดผนึกตราของศุลกากร และผู้ส่งสินค้าได้ใส่กุญแจปิดผนึกเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยการเปิดหรืองัดแงะหรือฉีกผนึกตราของศุลกากรจำเลยที่ 2 ส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่บริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย)จำกัด ผู้ส่งสินค้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยและชำระค่าระวางพาหนะแก่จำเลยที่ 2 เมื่อพนักงานของจำเลยที่ 1 ตรวจดูสภาพของตู้คอนเทนเนอร์เรียบร้อย ไม่มีร่องรอยการเปิดหรืองัดแงะและผนึกตราศุลกากรและกุญแจอยู่ในสภาพเรียบร้อยมิได้ถูกทำลาย จึงได้ผนึกตราของผู้ขนส่งที่ตู้คอนเทนเนอร์อีกครั้งหนึ่ง และรับมอบตู้คอนเทนเนอร์เพื่อขนส่งต่อไป การบรรทุกสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์จำเลยทั้งสามไม่ทราบได้ว่าสินค้าภายในสูญหายหรือบุบสลาย แต่สภาพภายนอกตู้เรียบร้อย เมื่อถึงท่าเรือเมืองฮ่องกง ตัวแทนบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด ได้ส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่ตัวแทนผู้รับสินค้าปลายทางในสภาพเรียบร้อย และภาระหน้าที่ของผู้ขนส่งได้สิ้นสุดลงแล้ว นอกจากนั้นบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัดผู้ตราส่งได้ขอคืนอากรขาออกแล้ว แสดงว่าผู้รับสินค้าปลายทางได้รับสินค้าไว้เรียบร้อยแล้ว โจทก์ได้รับช่วงสิทธิที่ผู้โอนมีต่อบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดนาวาเซอร์วิสเท่านั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ปรากฏจากรายงานการสำรวจว่าขณะเปิดทำการสำรวจนั้นผนึกตราของศุลกากร ผนึกตราผู้ขนส่งและกุญแจที่ปิดล็อกบานประตูตู้คอนเทนเนอร์อยู่ในสภาพเรียบร้อย สินค้าจึงมิได้สูญหายระหว่างการขนส่งในการขนส่งโจทก์มีข้อตกลงชัดแจ้งว่าผู้ส่งย่อมต้องผูกพันตามข้อตกลงในใบตราส่งทุกประการ ผู้ขนส่งจะรับผิดชอบใช้ค่าเสียหายไม่เกิน 2 เหรียญสหรัฐต่อ 1 กิโลกรัมของน้ำหนักสินค้า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินตามฟ้องค่าใช้จ่ายในการสำรวจ 830 เหรียญฮ่องกง เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ของโจทก์เองไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามคำให้การของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่า จำเลยที่ 2 ได้นำรถพ่วงไปลากจูงตู้คอนเทนเนอร์จากโกดังสินค้าของบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย)จำกัด ผู้ตราส่งไปยังท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อนำตู้คอนเทนเนอร์ลงเรือเนปจูนโทพาซส่งไปยังเมืองฮ่องกง ในการลากจูงตู้คอนเทนเนอร์นี้บริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ผู้ตราส่งเป็นผู้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ในราคา 4,000 บาท และได้ความตายหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครว่า จำเลยที่ 2 มีวัตถุประสงค์ทำการรับจ้างขนสินค้าโดยทางบกและทางน้ำ และบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย)จำกัด ผู้ตราส่งได้ชำระค่าจ้างในการที่จำเลยที่ 2 ลากจูงตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวข้างต้นให้แก่จำเลยที่ 2 แล้ว จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ทำการรับขนของเพื่อบำเหน็จในทางการค้าปกติของตน ย่อมเป็นผู้ขนส่งตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 608สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์ บริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ผู้ตราส่งติดต่อจำเลยที่ 1 ให้ทำการขนส่งสินค้าที่หาย ไปเมืองฮ่องกง จำเลยที่ 1ได้จัดหาตู้คอนเทนเนอร์ให้บริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ผู้ตราส่งจัดการนำไปบรรจุสินค้า และให้บริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัดจัดการลากจูงตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าแล้วนั้นไปยังท่าเรือแห่งประเทศไทย จากนั้นจำเลยที่ 1 ดำเนินการจัดส่งตู้คอนเทนเนอร์นั้นลงเรือเนปจูนโทพาซซึ่งเป็นเรือของบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด เพื่อขนส่งไปเมืองฮ่องกง พร้อมทั้งออกใบตราส่งให้แก่บริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ผู้ตราส่ง เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนทำสัญญารับขนส่งกับบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ผู้ตราส่งแทนบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด ผู้ขนส่ง ตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามสัญญานั้นแต่ลำพังตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824
ปัญหาข้อที่สองของจำเลยทั้งสามซึ่งแก้ฎีกาว่า โจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากบริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัด ผู้รับตราส่งซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยให้ฟ้องบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดนาวาเซอร์วิส ซึ่งเป็นบุคคลต่างหากจำเลยคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่าโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายในการที่สินค้าสูญหายให้แก่บริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัด ผู้รับตราส่งซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยไปแล้ว โจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ผู้เอาประกันภัยและของบริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัด ผู้รับประโยชน์มาฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2ผู้ขนส่งและจำเลยที่ 3 ผู้ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ให้รับผิดเพราะเหตุสินค้าที่ทำการขนส่งสูญหายได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 ซึ่งเป็นการรับช่วงสิทธิด้วยอำนาจของกฎหมาย หาจำต้องให้ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์โอนสิทธิเรียกร้องให้ไม่ ฉะนั้น แม้ตามหนังสือโอนสิทธิที่บริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัด ผู้รับประโยชน์จะได้โอนบรรดาสิทธิเกี่ยวกับสินค้าที่เอาประกันภัยไว้ให้โจทก์เรียกร้องเอาแก่บริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดนาวาเซอร์วิสก็ตามก็หาทำให้โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้องจำเลยทั้งสามแต่อย่างใดไม่โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ปัญหาข้อที่สามตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสามจะต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ได้มีการบรรจุสินค้าผ้าจำนวน 314 พับ ตามฟ้องลงในตู้คอนเทนเนอร์ก่อนที่จำเลยที่ 2จะลากจูงตู้คอนเทนเนอร์ไปยังท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้ว จำเลยที่ 1ให้การและนำสืบว่า ขณะที่ตู้คอนเทนเนอร์มาถึงท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อจะนำลงเรือเนปจูนโทพาซ พนักงานของจำเลยที่ 1 ตรวจดูสภาพภายนอกตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ปรากฏว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยไม่มีร่องรอยการเปิดหรืองัดแงะตู้ ผนึกตราศุลกากรและกุญแจอยู่ในสภาพเรียบร้อยมิได้ถูกทำลายพนักงานของจำเลยที่ 1 จึงผนึกตราของผู้ขนส่งคือบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด ที่ตู้คอนเทนเนอร์อีกครั้งหนึ่ง แสดงการรับมอบตู้คอนเทนเนอร์เพื่อทำการขนส่งต่อไป คดีได้ความต่อไปว่าตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวได้ถูกนำลงเรือเนปจูนโทพาซเดินทางไปยังเมืองฮ่องกง เมื่อตู้คอนเทนเนอร์ไปถึงเมืองฮ่องกงบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด ได้ส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์นั้นให้แก่บริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัด ผู้รับตราส่ง ซึ่งผู้รับตราส่งได้ว่าจ้างบริษัทสวอร์นมีเซอร์เร่อแอนด์เวจเซอร์ (ฮ่องกง) จำกัดทำการสำรวจสินค้าก่อนเปิดตู้คอนเทนเนอร์ บริษัทดังกล่าวได้ร่วมกับตัวแทนของผู้รับตราส่ง ทำการเปิดตู้คอนเทนเนอร์ออก ปรากฏว่าสินค้าผ้าในตู้คอนเทนเนอร์สูญหายไปทั้งหมด โดยไม่ทราบว่าหายไปอย่างไร ตั้งแต่เมื่อใด เห็นว่า ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าการขนส่งสินค้ารายนี้เป็นการส่งในระบบ FCL/FCL หรือ CY/CY หรือที่เรียกว่าShipper’s Load and Count โดยผู้ตราส่งเป็นผู้บรรจุสินค้าลงในตู้คอนเทนเนอร์เอง จำเลยที่ 1 มิได้รู้เห็นด้วย ซึ่งจำเลยที่ 1มีข้อยกเว้นความรับผิดไว้ที่ด้านหลังใบตราส่งว่าผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดในความสูญหายหรือเสียหายของสินค้า และหากจะต้องรับผิดก็จะรับผิดไม่เกิน 2 เหรียญสหรัฐต่อ 1 กิโลกรัม ของน้ำหนักสินค้าในข้อนี้เห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 นำข้อยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งที่ระบุไว้ในใบตราส่งขึ้นต่อสู้ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625 บัญญัติว่า “ใบรับใบตราส่ง หรือเอกสารอื่น ๆ ทำนองนั้นก็ดี ซึ่งผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งนั้น ถ้ามีข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งประการใด ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่ผู้ส่งจะได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเช่นว่านั้น” โจทก์นำสืบว่า การที่ด้านหลังใบตราส่งมีตราของบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย)จำกัด และลายเซ็นของผู้มีอำนาจทำการแทนซึ่งเป็นผู้ตราส่งลงไว้นั้นเป็นการลงชื่อสลักหลังโอนใบตราส่งให้แก่บริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์จำกัด เพื่อให้บริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัด นำใบตราส่งนั้นไปเป็นหลักฐานในการรับสินค้า จำเลยที่ 1 หาได้นำสืบว่า การลงชื่อดังกล่าวเป็นการตกลงยอมรับข้อยกเว้นและจำกัดความรับผิดตามที่ใบตราส่งระบุไว้ไม่ ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่า บริษัทลักกี้เท็กซ์(ไทย) จำกัด ผู้ตราส่งได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังกล่าว ฉะนั้นข้อยกเว้นและจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามที่จำเลยที่ 1 อ้างจึงเป็นโมฆะ จำเลยที่ 1 จะยกขึ้นมาปฏิเสธความรับผิดหรือต้องรับผิดน้อยลงไม่ได้ สำหรับข้อที่จำเลยที่ 1อ้างว่าบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด ได้ส่งมอบตู้ให้แก่บริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัด ผู้รับตราส่งไปในสภาพเรียบร้อยโดยตราไม่ถูกแตะต้อง ดังที่ปรากฏในใบสั่งปล่อยและส่งคืน จำเลยที่ 1จึงไม่ต้องรับผิดนั้น เห็นว่า ใบสั่งปล่อยและส่งคืนดังกล่าวออกให้แก่ผู้รับจ้างเพื่อลากจูงตู้คอนเทนเนอร์ไปส่งให้แก่บริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัด ผู้รับตราส่ง แล้วส่งคืนตู้คอนเทนเนอร์เปล่า ได้ความตามเอกสารหมาย จ.20 แผ่นสุดท้ายว่า ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวได้ถูกลากจูงไปถึงโกดังของบริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์ จำกัดผู้รับตราส่งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2523 เวลา 10 นาฬิกา แล้วบริษัทสวอร์นมีเซอร์เร่อแอนด์เวจเชอร์ (ฮ่องกง) จำกัด ได้เริ่มทำการสำรวจสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์ จึงได้พบว่าสินค้าผ้าในตู้คอนเทนเนอร์สูญหายไปทั้งหมด กรณีจึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่บริษัทเท็กไทอัลไลแอนซ์ จำกัด ผู้รับตราส่งได้รับของไว้แล้วโดยไม่อิดเอื้อน อันจะทำให้ความรับผิดของจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 623
ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 จะต้องรับผิดหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ได้ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ 2 ให้เป็นผู้ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ของจำเลยที่ 1 โดยลากจูงมายังโรงงานของบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด ที่จังหวัดสมุทรปราการเพื่อบรรจุสินค้าลงในตู้ เมื่อบรรจุสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้วได้ให้จำเลยที่ 2 ลากตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวไปที่ท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อส่งให้แก่จำเลยที่ 1 ทำการขนส่งโดยทางเรือต่อไปยังเมืองฮ่องกง เห็นว่าเป็นเรื่องที่บริษัทลักกี้เท็กซ์(ไทย) จำกัด ผู้ตราส่งได้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 โดยตรงให้ขนส่งสินค้าอีกทอดหนึ่งต่างหากจากการว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ขนส่งสินค้าไปยังเมืองฮ่องกง สัญญารับขนระหว่างบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัดกับจำเลยที่ 2 เป็นสัญญาคนละฉบับไม่เกี่ยวข้องกันกับสัญญารับขนระหว่างบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด กับจำเลยที่ 1 หรือบริษัทเนปจูนโอเรียนไลน์ จำกัด แต่อย่างใดการขนส่งสินค้ารายนี้จึงมิใช่การขนส่งโดยมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอด อันผู้ขนส่งทุกทอดจะต้องรับผิดร่วมกันในการสูญหาย บุบสลาย หรือส่งชักช้า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในความสูญหายของสินค้ารายนี้ จำเลยที่ 2จะต้องรับผิดตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัดก็ต่อเมื่อได้ความว่าสินค้าได้สูญหายไปในระหว่างที่จำเลยที่ 2ทำการขนส่งเท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของคู่ความไม่มีพยานหลักฐานบ่งชี้ให้เชื่อว่าสินค้าของบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย)จำกัด ที่เอาประกันภัยไว้กับโจทก์นั้นได้สูญหายไปในระหว่างที่จำเลยที่ 2 ลากจูงตู้คอนเทนเนอร์จากโรงงานของบริษัทลักกี้เท็กซ์ (ไทย)จำกัด ที่จังหวัดสมุทรปราการมายังท่าเรือแห่งประเทศไทยจนกระทั่งส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์นั้นให้แก่จำเลยที่ 1 ดังนั้นจำเลยที่ 2ย่อมไม่ต้องรับผิดในความสูญหายของสินค้าตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ก็ไม่ต้องรับผิดด้วย เกี่ยวกับค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1จะต้องรับผิดนั้น ได้ความว่า โจทก์ได้รับประกันภัยสินค้าที่สูญหายทั้งหมดไว้เป็นจำนวนเงิน 539,454 เหรียญฮ่องกง โจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนคือ ราคาผ้าที่สูญหายเป็นเงิน 539,454 เหรียญฮ่องกงและค่าสำรวจความเสียหายอีกเป็นเงิน 830 เหรียญฮ่องกง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 540,284 เหรียญฮ่องกง ให้แก่บริษัทเท็กซ์ไทล์อัลไลแอนซ์จำกัด ผู้รับประโยชน์ไปแล้ว คงมีข้อโต้เถียงตามคำแก้ฎีกาของจำเลยว่าจำเลยจะต้องรับผิดในค่าสำรวจสินค้าหรือไม่ เห็นว่า ค่าสำรวจสินค้าดังกล่าวไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญารับขนของจำเลยที่ 1และข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้รับตราส่งเป็นผู้ว่าจ้างบริษัทผู้สำรวจทำการสำรวจเอง แม้สินค้าไม่สูญหาย ผู้รับตราส่งก็จะต้องจ่ายค่าจ้างส่วนนี้เองอยู่แล้ว โจทก์จึงเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในค่าสำรวจสินค้านี้ไม่ได้ จำเลยที่ 1 คงต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์เป็นเงิน 539,454 เหรียญฮ่องกง พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2524 ตามที่โจทก์ขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จเท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงิน 539,454เหรียญฮ่องกง โดยคิดเป็นเงินไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันมีคำพิพากษานี้ หากในวันนั้นไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ให้ถือเอาอัตราในวันสุดท้ายก่อนวันพิพากษา แต่ไม่เกินกว่า 2,160,210.50 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2524เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share