คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้เดิมที่พิพาทจะเป็นของ ป. แต่ผู้เดียว แต่เมื่อออกโฉนดแล้ว ที่ดินพิพาทกลับมีชื่อ ช.ด. และผู้คัดค้าน เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วย แสดงให้เห็นเจตนาของ ป.ว่า ต้องการให้ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้มีชื่อในโฉนดทุกคน การที่ ป.ยกที่ดินพิพาทให้แก่ ช. แต่ผู้เดียว โดยผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมคนอื่นมิได้แสดงเจตนายกให้โดยชัดแจ้ง ช. จึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทในส่วนของเจ้าของรวมคนอื่น โดยเฉพาะในส่วนของผู้คัดค้าน การที่ ช. ซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งครอบครองที่ดินพิพาทต่อมา จึงถือว่า ครอบครองแทนผู้คัดค้านและเจ้าของรวมคนอื่น ผู้ร้องสืบสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทต่อจาก ช.ย่อมไม่มีสิทธิดีกว่า ช. ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะครอบครองที่ดินพิพาทแทนผู้คัดค้านเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจากคำเบิกความของผู้ร้องว่าเมื่อปลายปี 2532 ผู้คัดค้านได้มาพบเพื่อขอแบ่งที่ดินพิพาท แต่ผู้ร้องปฏิเสธอ้างว่า ที่ดินเป็นของผู้ร้อง เท่ากับผู้ร้องเพิ่งเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 นับแต่วันดังกล่าวถึงวันยื่นคำร้อง ยังไม่ครบ 10 ปีตามมาตรา 1382 ผู้ร้องจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เดิมที่ดินตามโฉนดเลขที่ 3243เนื้อที่ 8 ไร่ 2 งาน 68 ตารางวา มีชื่อนางปาน นางเชื่อม นางบังและนายแดง ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันต่อมานางปาน นางบัง และนายแดงได้ยกที่ดินเฉพาะส่วนซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน ให้แก่นางเชื่อมโดยไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นางเชื่อมเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินอย่างเป็นสัดส่วน ไม่มีผู้ใดเข้ามารบกวน เมื่อปี 2510 นางเชื่อมได้ยกที่ดินเฉพาะส่วนที่ตนครอบครองอยู่ให้แก่ผู้ร้อง แต่มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ร้องเข้าครอบครองทำประโยชน์ติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา22 ปี ขอให้มีคำสั่งว่าที่ดินตามโฉนดเลขที่ 3243 เลขที่ 96ตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เฉพาะส่วนบริเวณตรงกลางแปลงเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 3243 มีชื่อนางปาน นางเชื่อม นายแดงและผู้คัดค้านถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันทุกคนครอบครองร่วมกันมิได้แบ่งแยกเป็นสัดส่วน นางปาน นายแดง และผู้คัดค้านมิได้ยกที่ดินเฉพาะส่วนเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน ให้แก่นางเชื่อม การยกให้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะผู้คัดค้านมีสิทธิในที่ดินจำนวน 2 ไร่ 67 ตารางวา เมื่อนางปานถึงแก่กรรมผู้คัดค้านได้รับมรดกที่ดินส่วนของนางปาน 1 ใน 3 ส่วนเนื้อที่ 2 งาน 89 ตารางวา ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิในที่ดินรวมเนื้อที่2 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา ผู้คัดค้านเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินติดต่อกันตลอดมา ปี 2510 นางเชื่อมมิได้ยกที่ดินตามโฉนดเฉพาะส่วนที่ตนครอบครองให้แก่ผู้ร้องขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 3243 เลขที่ 96ตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เฉพาะส่วนเนื้อที่5 ไร่ 1 งาน 22 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายบุญชาญ สุขดิบผู้ร้อง โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านประการสุดท้ายมีว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองหรือไม่ โดยผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้คัดค้านมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเพียงแปลงเดียว จึงมิได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ใดและผู้คัดค้านก็ได้ทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทร่วมกับผู้ร้องตลอดมาจึงไม่ขาดกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทนั้น ผู้ร้องเบิกความว่า ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมตามโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ร.1 คือ นางปานนางเชื่อม นายแดง และผู้คัดค้าน แต่ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงคือนางปานซึ่งเป็นยายของผู้ร้องต่อมานางปานยกที่ดินบริเวณตอนกลางให้แก่นางเชื่อมมารดาผู้ร้องเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งานส่วนทางด้านทิศตะวันออกยกให้แก่นายห่อและนางหุ่นและทางด้านทิศตะวันตกยกให้แก่วัดโพธิ์รัตนาราม โดยไม่มีผู้ใดเข้าเกี่ยวข้องและคัดค้าน เมื่อ 22 ปีมาแล้ว นางเชื่อมยกที่ดินที่ได้รับจากนางปานให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องก็ได้ครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาไม่มีผู้ใดคัดค้านผู้ร้องมีนายห่อยืนนาน นายสวัสดิ์ สุขประเสริฐ และนายบุญทัน เง็กคร้อยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ซึ่งที่ดินพิพาทตั้งอยู่มาเบิกความเป็นพยานสนับสนุนคำเบิกความของผู้ร้อง ส่วนผู้คัดค้านเบิกความว่า ผู้คัดค้านมิได้ยกที่ดินพิพาทให้นางเชื่อม ผู้คัดค้านทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา โดยมีนายขุน มีกอง และนายจุ่ง มีกอง เบิกความสนับสนุน เห็นว่า แม้เดิมที่ดินพิพาทจะเป็นของนางปานแต่ผู้เดียวแต่เมื่อได้ออกโฉนดแล้วที่ดินพิพาทกลับมีชื่อนางปาน นางเชื่อมนายแดง และผู้คัดค้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วย ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของนางปานว่าต้องการให้ที่ดินตามโฉนดเอกสารหมายร.1 เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้มีชื่อในโฉนดทุกคน ดังนั้น การที่นางปานยกที่ดินพิพาทให้แก่นางเชื่อมแต่ผู้เดียวโดยผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมคนอื่นมิได้แสดงเจตนายกให้ด้วยโดยชัดแจ้งแล้วนางเชื่อมจึงไม่ได้สิทธิในที่ดินพิพาทในส่วนของเจ้าของรวมคนอื่นโดยเฉพาะในส่วนของผู้คัดค้าน การที่นางเชื่อมซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งครอบครองที่ดินพิพาทต่อมา จึงถือว่าครอบครองแทนผู้คัดค้านและเจ้าของรวมคนอื่นตลอดมาผู้ร้องสืบสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทต่อจากนางเชื่อมย่อมไม่มีสิทธิดีกว่านางเชื่อมผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะครอบครองที่ดินพิพาทแทนผู้คัดค้านเช่นเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจากคำเบิกความของผู้ร้องว่า เมื่อปลายปี 2532ผู้คัดค้านได้มาพบเพื่อขอแบ่งที่ดินพิพาทอ้างว่ามีชื่อเป็นเจ้าของรวมด้วย แต่ผู้ร้องปฏิเสธอ้างว่าที่ดินเป็นของผู้ร้อง เท่ากับผู้ร้องเพิ่งเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 นับแต่วันดังกล่าวถึงวันยื่นคำร้องยังไม่ครบสิบปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ผู้ร้องจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้คัดค้านข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share