คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5999/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ชิงทรัพย์ ++
โจทก์บรรยายคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การเดินทางมาทำการชิงทรัพย์ยังไม่สามารถแปลความหมายว่า จำเลยทั้งสองใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดชิงทรัพย์เพราะตามคำฟ้องได้ความเพียงว่า ก่อนชิงทรัพย์ผู้เสียหายจำเลยทั้งสองใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การเดินทางมาทำการชิงทรัพย์เท่านั้น จำเลยทั้งสองอาจเพียงแต่ใช้รถจักรยานยนต์เดินทางมาและจอดรถไว้แล้วเดินไปยังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่อีกแห่งหนึ่งแล้วทำการชิงทรัพย์โดยไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์คันนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยก็ได้ คำฟ้องโจทก์จึงไม่อาจแปลหรือเข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 340 ตรี

ย่อยาว

เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๒ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสองร่วมกันชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก ๒ สลึง ๑ เส้น ราคา ๒,๐๐๐ บาท พร้อมพระนางกวักเลี่ยมทอง ๑ องค์ ราคา ๒,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๔,๐๐๐ บาท ของนางสาวเพ็ญนภา อำพร ผู้เสียหายโดยใช้รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกในการเดินทางมาทำการชิงทรัพย์ และใช้กำลังประทุษร้ายกระชากสร้อยคอดังกล่าวจากคอผู้เสียหาย แล้วดึงผู้เสียหายจนตกจากรถจักรยานยนต์เป็นเหตุให้ร่างกายของผู้เสียหายครูดไปกับพื้นถนนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจเจ้าพนักงานยึดรถจักรยานยนต์ที่จำเลยทั้งสองใช้เป็นยานพาหนะในการเดินทางมากระทำผิดเป็นของกลาง และยึดสร้อยคอทองคำหนัก ๒ สลึง ครึ่งเส้น ได้จากจำเลยที่ ๑ซึ่งผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓,๓๓๙, ๓๔๐ ตรี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน๓,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรคสาม, ๓๔๐ ตรี ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ จำเลยที่ ๑ อายุ๑๙ ปี มีความรู้ผิดชอบ ไม่มีเหตุสมควรลดมาตราส่วนโทษให้ จำคุกคนละ ๑๘ ปีจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ ๙ ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรคสาม ให้ลงโทษจำคุกคนละ ๑๒ ปีจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๗๘ คงจำคุกคนละ ๖ ปี ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์บรรยายคำฟ้องชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดชิงทรัพย์ของผู้เสียหายแล้ว โดยเป็นการบรรยายตอกย้ำให้เห็นว่าจำเลยร่วมกันใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดชิงทรัพย์ของผู้เสียหายโดยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางมาเพื่อกระทำผิดชิงทรัพย์ของผู้เสียหายยิ่งกว่าการเดินทางธรรมดาที่ปราศจากยานพาหนะมากระทำความผิดชิงทรัพย์ของผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันกับการใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อกระทำผิดชิงทรัพย์นั้นเองคำฟ้องโจทก์ครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ ตรี แล้ว นั้นเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่สามารถแปลความหมายว่า จำเลยทั้งสองใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดชิงทรัพย์ดังโจทก์ฎีกาได้ เพราะตามคำฟ้องได้ความเพียงว่า ก่อนชิงทรัพย์ผู้เสียหายจำเลยทั้งสองใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การเดินทางมาทำการชิงทรัพย์เท่านั้น จะแปลข้อความดังกล่าวไปในทางที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองใช้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเพื่อกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่ได้ เพราะจำเลยทั้งสองอาจเพียงแต่ใช้รถจักรยานยนต์เดินทางมา และจอดรถไว้แล้วเดินไปยังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่อีกแห่งหนึ่งแล้วทำการชิงทรัพย์โดยไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์คันนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยก็ได้ คำฟ้องโจทก์จึงไม่อาจแปลหรือเข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ดังที่โจทก์ฎีกา
พิพากษายืน.

Share