คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามลักรถจักรยานยนต์ แต่ในการพิจารณาได้ความว่า จำเลยลักชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่โจทก์ฟ้อง มิใช่เป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด จึงไม่ได้หลงต่อสู้ ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(3) แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(3)ประกอบด้วยมาตรา 80 ตามคำขอของโจทก์ ให้จำคุก 2 ปี ลดโทษให้จำเลย1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(3) วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 80 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยงัดสายยูกุญแจโรงจอดรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายออก แล้วเข้าไปลักเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต จำเลยลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะมีผู้พบเห็นการกระทำของจำเลยเสียก่อนโดยโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามลักเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย แสดงถึงความประสงค์ให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในการกระทำนี้แล้ว การที่ข้อเท็จจริงปรากฏในการพิจารณาว่า จำเลยถอดเอานอตกลึง ยึดรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไป และถอดดิสเบรกล้อหน้าของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจนหลุดออกจากที่เดิมแต่ยังไม่หลุดจากตัวรถจักรยานยนต์ แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง กล่าวคือโจทก์ฟ้องว่าจำเลยพยายามลักรถจักรยานยนต์ แต่ในการพิจารณาได้ความว่าจำเลยลักชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์คันเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องนั่นเอง จึงมิใช่เป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด จึงไม่ได้หลงต่อสู้ ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง
พิพากษายืน

Share