คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5983/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การประปาส่วนภูมิภาคโจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจอันเป็นหน่วยงานของ รัฐบาล มีระเบียบในการเบิกจ่ายเงินไม่เหมือนหน่วยงานของเอกชน และเมื่อเบิกจ่ายแล้วต้องจัดส่งมายังสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายความย่อมมีความล่าช้าอยู่บ้าง ถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมในการยื่นอุทธรณ์ตามคำร้องของโจทก์ได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 148,377.52 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2536 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี และได้อ่านคำพิพากษาให้โจทก์และจำเลยทั้งสองฟังเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2538 ครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ในวันที่ 10 เมษายน 2538 ต่อมาเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2538โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วันนับแต่วันครบกำหนดอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้นวันที่9 พฤษภาคม 2538 โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ภายใน 20 วัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องขอขยายระยะเวลาเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ว่า การอุทธรณ์จะต้องวางเงินค่าธรรมเนียมพร้อมกับอุทธรณ์หากหาเงินไม่ทันก็เป็นเหตุที่จะขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้จะอุทธรณ์ก่อนแล้วจึงขอวางเงินขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบกับได้ความว่าโจทก์เคยขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์มาแล้ว มีเวลาพอที่จะขวนขวายหาเงินมาวางศาลได้พร้อมกับอุทธรณ์ ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายไม่มีเหตุให้ศาลอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงิน ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งนี้
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ในการยื่นอุทธรณ์จะขอขยายระยะเวลานำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 ไม่ได้นั้น เห็นว่า ตามคำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่9 พฤษภาคม 2538 โจทก์ขอขยายระยะเวลาเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ซึ่งโจทก์อาจยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาได้ เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 มิใช่การร้องขอขยายระยะเวลานำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ดังจำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ให้ ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าคดีของโจทก์ไม่มีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายระยะเวลานั้นข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจอันเป็นหน่วยงานของรัฐบาล มีระเบียบในการเบิกจ่ายเงินไม่เหมือนหน่วยงานของเอกชนและเมื่อเบิกจ่ายแล้วต้องจัดส่งมายังสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายความย่อมมีความล่าช้าอยู่บ้าง ถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษและโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอก่อนสิ้นระยะเวลานั้นแล้ว”
พิพากษายืน

Share