แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่สมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันได้เปิดกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยบริษัทนฤมิตธนาคม จำกัด เป็นผู้ดำเนินงานแทน โดยมีข้อตกลงว่าสมาคมจะใช้เงินสงเคราะห์ให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อบุคคลผู้เป็นสมาชิกถึงแก่กรรม ตามจำนวนและเงื่อนไขการจ่ายเงินที่กำหนดไว้ในระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์ ส่วนสมาชิกก็ผูกพันต้องส่งเงินสงเคราะห์ให้แก่สมาคมตามระเบียบ การดังกล่าวนั้น เช่นนี้ ย่อมเข้าลักษณะเป็นสัญญาประกันชีวิต อันถือได้ว่ากิจการของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันดังกล่าวเป็นการรับประกันชีวิตโดยสมาคมกระทำการเป็นผู้รับประกันภัยการดำเนินกิจการดังกล่าวนี้ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตจากรัฐมนตรี มิฉะนั้นย่อมเป็นการฝ่าฝืนและมีโทษตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510 มาตรา 12, 74 และเมื่อจำเลยกระทำการแนะนำชักชวนเพื่อให้บุคคลเข้าเป็นสมาชิกซึ่งก็เท่ากับเป็นการกระทำเพื่อให้บุคคลเข้าทำสัญญาประกันชีวิตกับสมาคมดังกล่าว ย่อมเป็นการฝ่าฝืนและมีโทษตามมาตรา 72, 95
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้จัดการศูนย์ประจำจังหวัดร้อยเอ็ดของบริษัทนฤมิตธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ดำเนินการจัดหาสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ให้แก่สมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันได้ร่วมสมคบกับพวกที่หลบหนีชักชวนแนะนำให้บุคคลทำสัญญาประกันชีวิตกับผู้ที่มิได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต ตามพระราชบัญญัติประกันชีวิตพ.ศ. 2510 โดยชักชวนและแนะนำบุคคลให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตัน ซึ่งบริษัทนฤมิตธนาคมจำกัด เป็นตัวแทนผู้ดำเนินการจัดหาสมาชิก ทั้งนี้ โดยจำเลยกับพวกรู้อยู่แล้วว่าสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันและบริษัทนฤมิตธนาคม จำกัด เป็นผู้ที่มิได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการตามกฎหมาย เป็นเหตุให้บุคคลจำนวนมากสมัครเข้าเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์กับสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันตามคำชักชวนและแนะนำของจำเลยกับพวกดังกล่าวแล้ว ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510 มาตรา 72, 95 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510 มาตรา 72, 95 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง มีกำหนด 1 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยชักชวนแนะนำให้บุคคลเข้าเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์สมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตัน และสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันรับบุคคลนั้นเข้าเป็นสมาชิกนั้น ไม่มีลักษณะเป็นสัญญาประกันชีวิต จำเลยจึงไม่มีความผิด พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์จำเลยนำสืบว่า สมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันโดยบริษัทนฤมิตธนาคม จำกัด เป็นตัวแทน ได้ดำเนินกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ทั่วประเทศไทย โดยมิได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510 มีสมาชิกประมาณสามหมื่นคน จำเลยเป็นผู้ตรวจการของบริษัทนฤมิตธนาคม จำกัดประจำศูนย์จังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งมีตัวแทนประจำตำบล เพื่อหาสมาชิกมาสมัครที่ศูนย์ 30 คน
บริษัทนฤมิตธนาคมจำกัดออกหนังสือโฆษณาชักชวนประชาชนให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ซึ่งมีระเบียบการในหนังสือโฆษณาชักชวนอันเป็นหลักสำคัญ คือ
1. จัดสมาชิกเป็นกลุ่ม ๆ หนึ่ง ๆ มีจำนวนไม่เกิน 5,000 คน
2. การเข้าเป็นสมาชิกต้องชำระค่าสมัคร 20 บาท ค่าบำรุง 64 บาทค่าใช้จ่ายของบริษัท 998 บาท เงินฝากช่วยฌาปนกิจสมาชิกอื่น 288 บาทรวม 1,370 บาท แต่จะผ่อนส่ง 3 เดือน รวม 8 ครั้ง 6 เดือน รวม 4 ครั้ง 12 เดือน รวม 2 ครั้งก็ได้ โดยต้องชำระค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก คือ ผ่อนส่ง 3 เดือน รวมเป็นเงิน 1,120 บาท ผ่อนส่ง 6 เดือน รวมเป็นเงิน 1,096 บาท ผ่อนส่ง 12 เดือน รวมเป็นเงิน 1,004 บาท เมื่อเงินที่ฝากถูกหักช่วยสมาชิกที่ถึงแก่กรรมลดน้อยลงจนต่ำกว่า 140 บาท จะเรียกให้ฝากครบ 140 บาทอยู่เสมอเมื่อรับเข้าเป็นสมาชิกแล้ว จะออกหนังสือสำคัญให้เป็นหลักฐานยึดถือไว้
3. สมาชิกมีสิทธิจะได้รับเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจเมื่อถึงแก่กรรมต่อเมื่อมีอายุการเป็นสมาชิกครบกำหนดดังนี้
ก. ผู้มีอายุไม่เกิน 60 ปี ต้องเป็นสมาชิกครบ 6 เดือนบริบูรณ์
ข. ผู้มีอายุ 60 ปีถึง 80 ปี ต้องเป็นสมาชิกครบ 1 ปีบริบูรณ์
ค. ผู้มีอายุเกิน 80 ปีถึง 90 ปี ต้องเป็นสมาชิกครบ 2 ปีบริบูรณ์
4. ทายาทของสมาชิกที่ถึงแก่กรรมจะได้รับเงินช่วยสงเคราะห์ฌาปนกิจดังนี้
ก. สมาชิกอายุ 20 ปีถึง 60 ปี เป็นสมาชิกครบ 6 เดือน ได้รับ5,000 บาท ครบ 2 ปี ได้รับ 10,000 บาท ครบ 5 ปีได้รับ 15,000 บาทครบ 10 ปี ได้รับ 20,000 บาท ทั้งนี้ โดยหักเงินฝากช่วยของสมาชิกในกลุ่มเดียวกันคนละ 1 บาท 2 บาท 3 บาท 4 บาทตามลำดับ
ข. สมาชิกอายุเกิน 60 ปีถึง 80 ปี เป็นสมาชิกครบ 1 ปี ได้รับ5,000 บาท ครบ 2 ปี ได้รับ 10,000 บาท ครบ 5 ปี ได้รับ 15,000 บาทครบ 10 ปี ได้รับ 20,000 บาท ทั้งนี้ โดยหักจากเงินฝากช่วยของสมาชิกในกลุ่มเดียวกันคนละ 1 บาท 2 บาท 3 บาท 4 บาท ตามลำดับ
ค. สมาชิกอายุเกิน 80 ปีถึง 90 ปี เป็นสมาชิกครบ 2 ปี ได้รับ10,000 บาท ครบ 5 ปี ได้รับ 15,000 บาท ครบ 10 ปี ได้รับ 20,000 บาททั้งนี้ โดยหักจากเงินฝากช่วยของสมาชิกในกลุ่มเดียวกันคนละ 2 บาท3 บาท 4 บาทตามลำดับ
ศาลฎีกาเห็นว่า ระเบียบและวิธีการในกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตัน มีข้อตกลงจะใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับประโยชน์ในเหตุการณ์อันเป็นความมรณะในอนาคตของผู้เป็นสมาชิก โดยสมาคมจะจ่ายเงินสงเคราะห์ตามเงื่อนไขที่ต้องมีอายุสมาชิกขั้นต่ำดังที่กำหนดไว้ และจำนวนเงินสงเคราะห์จะมีจำนวนสูงขึ้นตามลำดับตามระยะเวลาของอายุความเป็นสมาชิกของผู้นั้นเมื่อถึงแก่กรรมดังปรากฏรายละเอียดในเอกสาร จ.1 ดังกล่าว ส่วนสมาชิกก็ผูกพันที่จะต้องส่งเงินสงเคราะห์ให้แก่สมาคมตามหลักฐานเอกสาร จ.5 ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นเงินค่าตอบแทนข้อตกลงของสมาคมดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้โดยอาศัยเงื่อนไขความมรณะของบุคคลผู้เป็นสมาชิกนั่นเอง ไม่ว่าจะเรียกเงินทั้งสองประเภทนี้ว่าเป็นเงินสงเคราะห์และเงินฝากช่วยสงเคราะห์ฌาปนกิจ และใช้ชื่อกิจการนี้ว่ากิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ก็ตาม ก็เห็นได้แล้วว่าข้อตกลงเช่นนี้เข้าลักษณะเป็นสัญญาประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861 และมาตรา 889อันย่อมถือว่ากิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันเป็นการรับประกันชีวิตโดยสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันกระทำการเป็นผู้รับประกันภัยนั่นเอง ซึ่งการดำเนินกิจการดังกล่าวนี้ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตจากรัฐมนตรี มิฉะนั้นย่อมเป็นการฝ่าฝืนและมีโทษตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
เมื่อถือว่าการประกอบธุรกิจของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันโดยบริษัทนฤมิตธนาคม จำกัด เป็นตัวแทนดำเนินงาน เป็นผู้ประกอบธุรกิจประกันชีวิตกระทำการเป็นผู้รับประกันภัยโดยมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว และข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้โดยปราศจากความสงสัยว่าจำเลยซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทนฤมิตธนาคม จำกัดประจำศูนย์จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ร่วมกับพวกทำการชักชวนแนะนำบุคคลให้เข้าเป็นสมาชิกสมาคม ซึ่งก็เท่ากับเป็นการกระทำเพื่อให้บุคคลทำสัญญาประกันชีวิตกับสมาคมดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิต จำเลยจึงต้องมีความผิดตามฟ้อง ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น