แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โฉนดทับที่ผู้อื่นบุคคลพายนอกได้รับจำนองไว้จากผู้มีชื่อไนโฉนดโดยสุจริตแม้พายหลังเจ้าของที่ชนะความผู้มีชื่อไนโฉนดแล้วก็ไม่ทำไห้สิทธิของผู้รับจำนองเสียไป คงยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้จำนองได้.
ย่อยาว
ได้ความว่า นางซัง นิซังเปนสามีนางเขียวจำเลยเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๔๘๑ นางซังจำนองที่ดินโฉนดที่ ๒๕๘๔ ไว้กับโจท ครั้นต่อมาเมื่อ พ.ส.๒๔๘๒ นายซังเปนโจทฟ้องผู้ร้องกับพวกเปนจำเลยขอไห้ขับไล่ออกจากที่ดินโฉนดที่ ๒๕๘๔ สาลตัดสินว่านายซังได้โฉนดทับที่ที่จำเลยครอบครองมา ไม่มีกัมสิทธิไนที่นั้น คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมานายซังตาย โจทฟ้องบังคับจำนองจากจำเลยซึ่งเปนภรรยานายซัง จำเลยได้ทำสัญญาปรานีปรานอมยอมความไช้ต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจท แล้วไม่ชำระ โจทนำยึดที่ดินโฉนดที่ ๒๕๘๔ เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ ผู้ร้องจึงร้องขัดทรัพย์เปนคดีนี้
สาลชั้นต้นพิพากสาว่า โจทไม่มีอำนาดยึดที่ดินของผู้ร้องได้ คดีไม่เข้าข้อบัญญัติตามประมวนกดหมายแพ่งและพานิชมาตรา ๑๒๙๙ ไห้ถอนการยึน
สาลอุธรน์เห็นว่า คดีฟังได้ชัดว่าโจทได้เสียค่าตอบแทนคือรับจำนองที่รายนี้ไว้จากสามีจำเลยโดยสุจริตแล้วก่อนที่สามีจำเลยแพ้ความผู้ร้อง แม้ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินรายนี้ตลอดมาก็จิง แต่หาได้จดทเบียนสิทธิของตนไม่ รูปคดีเข้าบทมาตรา ๑๒๙๙ วัค ๒ ฉนั้นผู้ร้องจะยกขึ้นเปนข้อต่อสู้สิทธิของโจทซึ่งเปนบุคคลพายนอกไม่ได้ จึงพิพากสาไห้ยกคำร้องของผู้ร้องเสีย
ผู้ร้องดีกา สาลดีกาเห็นว่าการจดทเบียนการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นจะถือว่าเปนโมคะหย่างเช่นนิติกัมไม่ได้ การจดทเบียนนั้นจะต้องคงหยู่เสมอไปจนกว่าจะได้ถูกเพิกถอนไนกรนีเรื่องนี้ ทเบียนกัมสิทธิที่นายซังได้จดไว้ยังหาได้ถูกเพิกถอนไปโดยประการไดไม่ และหย่างไรก็ดีโจทเปนผู้ได้สิทธิจำนองโดยเสียค่าตอบแทนไนที่ดินนั้นโดยสุจริตและได้จดทเบียนสิทธิไว้โดยสุจริตแล้ว ก่อนแต่ที่สาลจะพิพากสาว่านายซังไม่มีกัมสิทธิ โจทย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้ร้องซึ่งเปนแต่เพียงผู้ครอบครองที่ดินนั้นหยู่ ผู้ร้องจะยกการครอบครองมือเปล่าขึ้นต่อสู้บุคคลพายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทเบียนสิทธินั้นโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ แม้ผู้ร้องจะได้สิทธิครอบครองหรือกัมสิทธิไนที่ดินนั้นมาแล้วผู้ร้องก็ยังหาได้จัดการไนทางทเบียนไม่เลย กรนีต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา ๑๒๙๙ ดังสาลดีกาได้พิพากสาเปนแบบหย่างไว้แล้ว ไนคำพิพากสาสาลดีกาที่ ๑๐๗๖/๒๔๗๙ จึงพิพากสายืนตามคำพิพากสาสาลอุธรน์.