แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องกับผู้คัดค้านเคยพิพาทเกี่ยวกับที่ดินพิพาทจนศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของผู้คัดค้านคำพิพากษาย่อมผูกพันทั้งสองฝ่ายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ซึ่งมีลักษณะเป็นบทบัญญัติที่เด็ดขาด คู่ความจะกล่าวอ้างหรือนำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นและศาลจะวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่แตกต่างไปจากเดิมหาได้ไม่
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอ ขอให้มีคำสั่งว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินบางส่วนดังกล่าวพร้อมบ้านซึ่งปลูกในที่ดิน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของนางคำโพธิ์ มหาชนะวงศ์ การครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องไม่อาจใช้ยันผู้คัดค้านได้ ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 1540 ตำบลปทุม(ในเมือง) อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานีบางส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เนื้อที่ 80 ตารางวาพร้อมบ้านเลขที่ 135 ถนนพลแพน ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินส่วนนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องขอในส่วนที่ผู้ร้องขอให้มีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้อง เพราะผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านเคยพิพาทฟ้องร้องกันเกี่ยวกับที่ดินพิพาทมาก่อน โดยผู้คัดค้านเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องเป็นจำเลยออกไปจากที่ดินพิพาทและคดีถึงที่สุดโดยคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 2584/2538 ที่ผู้คัดค้านแนบมาท้ายคำแก้ฎีกาซึ่งในคดีดังกล่าว ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ (ผู้คัดค้านคดีนี้) การที่จำเลย (ผู้ร้อง) กับสามีอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทและมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นเจ้าของบ้านและอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทเท่านั้น ไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ดังนี้ ผลของคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดไปแล้วดังกล่าวย่อมผูกพันผู้ร้องและผู้คัดค้านซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ซึ่งผู้ร้องจะต้องรับผลแห่งคำพิพากษานั้น จะอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ ทั้ง ๆ ที่ผู้ร้องต้องคำพิพากษาให้เป็นฝ่ายแพ้คดีหาได้ไม่ เพราะบทบัญญัติของมาตรา 145แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มีลักษณะเป็นบทบัญญัติที่เด็ดขาด คู่ความจะกล่าวอ้างหรือนำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นและศาลจะวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่แตกต่างไปจากเดิมหาได้ไม่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของนางคำโพธิ์ การครอบครองที่ดินพิพาทจึงมิใช่ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ แม้จะครอบครองนานเพียงใด ผู้ร้องก็หาได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน