คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คตามฟ้องให้แก่บริษัท ป. เพื่อเป็นประกันหนี้การขายลดเช็คของ ส. ผู้ที่จำเลยนำมาติดต่อกับบริษัท ป. แต่เมื่อหนี้ตามเช็คของ ส. ได้มีการชำระหมดสิ้นไปแล้ว หนี้ตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องจึงเป็นอันระงับสิ้นไปด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่ผู้เสียหายถึงกำหนดใช้เงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุกจำเลย 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยได้ออกเช็คฉบับที่กล่าวหาตามฟ้องซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือและธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อโจทก์ร่วมได้นำเข้าบัญชีในวันถึงกำหนดใช้เงิน ปรากฏตามหลักฐานเช็คและใบคืนเช็ค เอกสารหมายจ.1, จ.2 เกี่ยวกับการออกเช็คฉบับที่โจทก์กล่าวหานี้ โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบว่าจำเลยได้นำเช็คตามฟ้องมาแลกเงินสดจากโจทก์ร่วมเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2526 โดยได้สั่งจ่ายล่วงหน้าเพื่อใช้เงินคืนในวันที่ 10 มกราคม 2527 และนางอัชรา จึงอร่ามวงศ์ ภรรยาจำเลยได้สลักหลังไว้ด้วยตามลายมือชื่อที่ปรากฏด้านหลังเช็คเอกสารหมายจ.1 แต่จำเลยนำสืบปฏิเสธว่าจำเลยไม่เคยนำเช็คไปแลกเงินสดจากโจทก์ร่วมซึ่งเป็นน้องชายของนายสามารถ จิตตั้งตรง ความจริงเป็นเช็คที่จำเลยได้มอบผ่านนายสามารถเพื่อเป็นประกันหนี้ในฐานะที่จำเลยเป็นนายหน้าพาลูกค้ามาติดต่อขายลดเช็คแก่บริษัทโบ๊เบ๊ร่วมทรัพย์ธนาคารเครดิต จำกัด โดยนายสามารถเป็นกรรมการผู้หนึ่งและมีหน้าที่ในการซื้อลดเช็ค ในปัญหาที่นำสืบโต้แย้งกันดังกล่าว ปรากฏว่าโจทก์ร่วมเบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยเจือสมกับข้อนำสืบของจำเลย โดยรับว่านายสามารถพี่ชายโจทก์ร่วมกับจำเลยมีธุรกิจติดต่อกันมานานหลายปี จำเลยเคยนำเช็คมาแลกเงินสดจากนายสามารถ และจำเลยยังมีคดีข้อหาเช็คอีกหลายเรื่องที่โจทก์ร่วมเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแก่จำเลย อันแสดงรูปเรื่องให้น่าเชื่อว่ามูลข้อหาความผิดคดีนี้เป็นเรื่องจำเลยออกเช็คให้แก่นายสามารถ มิใช่ให้แก่โจทก์ร่วม เมื่อพิจารณาถึงวัยของโจทก์ร่วมซึ่งมีอายุเพียง 26 ปีขณะเกิดเหตุ มีเหตุผลให้รับฟังตามที่จำเลยนำสืบว่า โจทก์ร่วมยังเป็นผู้ไม่มีอาชีพเป็นของตนเองเพราะเพิ่งจบการศึกษา แต่มาทำงานอยู่กับนายสามารถผู้เป็นพี่ จึงไม่น่าเชื่อว่าโจทก์ร่วมได้รับแลกเช็คตามฟ้องจากจำเลยตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบ ส่วนจำเลยนำสืบโดยมีสัญญาแบ่งผลประโยชน์เอกสารหมาย ล.3 และบันทึกรายการเช็คประกันขายลดส่งคืนเอกสารหมาย ล.14ซึ่งโจทก์มิได้สืบโต้แย้งเอกสารดังกล่าวให้เห็นเป็นอย่างอื่น พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยได้ออกเช็คตามฟ้องให้แก่นายสามารถซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทโบ๊เบ๊ร่วมทรัพย์ธนาคารเครดิต จำกัด เพื่อเป็นประกันหนี้การขายลดเช็คของนายสมชายผู้ที่จำเลยนำมาติดต่อเป็นลูกค้าของบริษัทดังกล่าว และหนี้ตามเช็คของนายสมชายที่จำเลยออกเช็คตามฟ้องประกันไว้นั้น ได้มีการชำระหมดสิ้นไปแล้ว ดังนั้น หนี้ตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องนี้จึงเป็นอันระงับสิ้นไปนับตั้งแต่หนี้ตามเช็คของนายสมชายได้ระงับสิ้นไปด้วยโจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องโจทก์”
พิพากษายืน

Share