แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ในคดีฉ้อโกงให้ประกอบการงานนั้น ค่าแรงงานหรือค่าจ้างที่จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะจ่ายให้ ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลย พนักงานอัยการไม่มีอำนาจที่จะขอให้จำเลยใช้ค่าแรงงานหรือค่าจ้างที่จำเลยยังไม่จ่ายแก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 344, 83และให้จำเลยจ่ายค่าแรงงานให้แก่ผู้เสียหายทั้ง 12 คน เป็นเงิน29,100 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 344 รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 8 เดือน สำหรับค่าแรงงานนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดโจทก์จึงไม่มีอำนาจเรียกให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาแก่ผู้เสียหายให้ยกคำขอที่ให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย ให้ยกคำขอที่ให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในชั้นนี้คงมีปัญหาตามที่โจทก์ฎีกาเพียงประการเดียวว่า โจทก์มีอำนาจเรียกราคาค่าแรงงานแทนผู้เสียหาย12 คน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 หรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ค่าแรงงานหรือค่าจ้างไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไป เนื่องจากการกระทำผิดของจำเลย แต่เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายชอบที่จะไปฟ้องบังคับให้จำเลยชดใช้ในทางแพ่งต่างหากพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์ในคดีจึงไม่มีอำนาจที่จะขอให้จำเลยใช้ค่าแรงงานหรือค่าจ้างที่จำเลยยังไม่จ่ายแก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน