คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กับ ส. เป็นสามีภริยากันอยู่ตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย ครั้นเมื่อ ส. ตาย กระทรวงกลาโหมได้จ่ายบำนาญตกทอดให้แก่โจทก์ตลอดมา ต่อมาจำเลยไปคัดค้าน กระทรวงกลาโหมจึงงดจ่าย ปรากฏว่าก่อน ส. ตาย ส. ได้สมรสกับจำเลยโดยจดทะเบียนสมรส การจดทะเบียนสมรสเช่นนี้ย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1445 (3) , 1490 โจทก์จึงฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนทะเบียนสมรสนั้นเสียได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ โจทก์กับพันจ่าโทสิงห์ ทองคำ ได้อยู่กินเป็นสามีภริยากันโดยเปิดเผยและอยู่กินฉันสามี-ภริยาตลอดมา จนเมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖ พันจ่าโทสิงห์ ได้ไปปฏิบัติราชการสงคราม ณ เกาหลี และถึงแก่กรรมเมื่อ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๖ ก่อนถึงแก่กรรม ปรากฏตามทะเบียนสมรสอำเภอพระโขนง เลขที่ ๒๕/๓๖๖๕ ลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๔๙๖ ว่า จำเลยกับพันจ่าโทสิงห์ ได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีคู่สมรสอื่น ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะขณะนั้นโจทก์ยังคงเป็นภริยาของพันจ่าโทสิงห์อยู่ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรับบำนาญตกทอดของพันจ่าโทสิงห์ต่อกระทรวงกลาโหม ๆ จ่ายเงินบำนาญให้โจทก์ตลอดมาจนถึงเดือนมกราคม ๒๕๐๐ ก็งดจ่าย เพราะจำเลยคัดค้านว่าจำเลยเป็นภริยาซึ่งจดทะเบียนสมรสกับพันจ่าโทสิงห์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสเลขที่ ๒๕/๓๖๖๕ นั้นเป็นโมฆะ และแจ้งการเพิกถอนไปยังอำเภอ
จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่จำเลยเป็นภริยาโดยถูกต้องตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนทะเบียนสมรสตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์เป็นคู่สมรสของพันจ่าโทสิงห์มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๗ ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ นับว่าโจทก์กับพันจ่าโทสิงห์เป็นคู่สมรสกันตามกฎหมายลักษณะผัวเมียตลอดมา ฉะนั้น พันจ่าโทสิงห์ย่อมไม่มีสิทธิทำการสมรสกับจำเลยได้ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๔๕ (๓) บัญญัติว่า การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายหรือหญิงมิได้เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่นอยู่ และมาตรา ๑๔๙๐ บัญญัติให้ถือเป็นโมฆะ ฉะนั้น การจดทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยกับพันจ่าโทสิงห์จึงเป็นโมฆะ ตามนัยฎีกาที่ ๑๒๖๙/๒๔๙๓
พิพากษายืน

Share