คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5904/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อ. เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่า แม้จำเลยไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกให้แล้วด้วยความเข้าใจผิดว่าจำเลยมีสิทธิโจทก์ก็จะขอบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อจากจำเลยเป็นชื่ออ. หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนามิได้เพราะหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน พิพาทออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลชอบที่จะเพิกถอนให้ได้เท่านั้น เป็นเรื่องที่ อ.จะไปดำเนินการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเอง.
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 3661/2525).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางอำพร ยืนยาว เป็นบุตรของนายปิง ยืนยาวและจำเลยซึ่งอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสแต่นายปิงได้รับรองนางอำพรเป็นบุตร แล้วนายปิงมีที่ดินจำนวนสามแปลงตั้งอยู่หมู่ที่ ๑๐ ตำบลตากูก อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์เมื่อนายปิงถึงแก่กรรมนางอำพรได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวมาโดยตลอดต่อมาจำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาททั้งสามแปลงแล้วดำเนินการแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้อื่น นางอำพรคัดค้านและให้จำเลยเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่จำเลยเพิกเฉย นางอำพรไม่อาจฟ้องจำเลยซึ่งเป็นมารดาได้ จึงร้องขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดี แทนพนักงานอัยการจึงนำคดีมาฟ้องเพื่อขอให้ศาลพิพากษาว่านางอำพรมีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๗๒๕, ๑๙๔๒ และ ๒๒๒๖ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท และขอให้เพิกถอนการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์จากชื่อจำเลยเป็นชื่อนางอำพร หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโดยได้ครอบครองทำประโยชน์เกิน ๑ ปีแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายในการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นางอำพรมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาททั้งสามแปลง ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และให้จำเลยไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อนางอำพรเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์หาก จำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาททั้งสามแปลงเป็นของนายปิงยืนยาว เมื่อนายปิงถึงแก่กรรม ที่ดินพิพาทจึงเป็นมรดกตกทอดแก่นางอำพร ยืนยาว ซึ่งเป็นบุตรที่นายปิงได้รับรองโดยพฤตินัย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๗ แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อนางอำพรเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนานั้น เป็นการไม่ถูกต้องเพราะเมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินที่จำเลยขอออกทั้งสามแปลงดังกล่าวเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกให้เพราะเข้าใจผิดหลงว่าจำเลยมีสิทธิ จึงเป็นการออกให้โดยไม่ชอบ นางอำพรมีหน้าที่ต้องไปดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายที่ดินโดยเฉพาะ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๖๖๑/๒๕๒๕ ระหว่าง นายบุญที วรครุธ โจทก์ นายสังเวียนเลขลบ จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๗๒๕, ๑๙๔๒ และ ๒๒๒๖ ตำบลตากูก อำเภอเมืองสุรินทร์จังหวัดสุรินทร์ ยกคำขอให้เพิกถอนชื่อจากจำเลยเป็นนางอำพร ยืนยาวในหนังสือรับรองการทำประโยชน์หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑.

Share