คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5897/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะจ้างโจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์หลายครั้ง แต่ในการจ้างแต่ละครั้งสามารถแยกออกจากกันได้ เมื่อหนี้ ค่าจ้างตามสัญญาจ้างทำเพลทแม่พิมพ์ครั้งที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่เกี่ยวกับการว่าจ้างครั้งที่ 4 และไม่เป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์เกี่ยวด้วยเพลทแม่พิมพ์ตามสัญญาจ้างครั้งที่ 4 ที่โจทก์ยึดถือไว้ ทั้งหนี้ค่าจ้างทำเพลทแม่พิมพ์ครั้งที่ 4 ยังไม่ถึงกำหนดชำระ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะยึดหน่วงเพลทแม่พิมพ์ดังกล่าวตาม ป.พ.พ. มาตรา 241 การที่โจทก์ยึดเพลทแม่พิมพ์ไว้ ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา ทำให้จำเลยไม่สามารถพิมพ์หนังสือออกจำหน่าย ย่อมทำให้จำเลยเสียหายอยู่ในตัว
ค่าขาดรายได้จากลูกค้าจ้างลงโฆษณา จำเลยมีหลักฐานสัญญาจ้างโฆษณามาแสดง แม้บางฉบับจะคาบเกี่ยวกับสัญญาจ้างโฆษณาในหนังสือฉบับก่อนก็ใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ทั้งในหนังสือที่จำเลยพิมพ์ออกจำหน่ายก็ปรากฏว่า มีการลงโฆษณามากพอสมควร โจทก์เองก็ไม่ได้นำสืบโต้แย้ง แม้จำเลยไม่นำตัวบุคคลในเอกสารดังกล่าวมาเบิกความ ยืนยันก็รับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๓๙ จำเลยทั้งสองว่าจ้างโจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์หลายครั้งหลายรายการ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๓๙ โจทก์ส่งเพลทแม่พิมพ์ให้จำเลยทั้งสองตามสัญญาหลายรายการ พร้อมกับส่งใบวางบิลเพื่อขอรับชำระค่าจ้างจากจำเลยทั้งสอง ซึ่งเมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเป็นเงิน ๑๐๘,๓๙๑ บาท เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๙ โจทก์ส่งมอบเพลทแม่พิมพ์ ให้จำเลยทั้งสองตามสัญญาหลายรายการ พร้อมกับส่งใบวางบิลเพื่อขอรับชำระค่าจ้างจากจำเลยทั้งสอง เมื่อรวมภาษี มูลค่าเพิ่มแล้วเป็นเงิน ๑๐๘,๐๗๐ บาท เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๓๙ โจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์ตามสัญญาเสร็จแล้วส่งมอบ ให้จำเลยทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสองให้โจทก์แก้ไขเพลทแม่พิมพ์นอกเหนือจากสัญญา โจทก์แก้ไขและส่งมอบเพลทแม่พิมพ์ให้จำเลยทั้งสอง คิดเป็นค่าทำเพลทแม่พิมพ์เป็นเงิน ๙๙,๙๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๙ โจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์ตามสัญญาเสร็จแล้วและส่งมอบให้จำเลยทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสองไม่ยอมรับเพลทแม่พิมพ์ตามสัญญา คิดเป็นค่าทำเพลทแม่พิมพ์เป็นเงิน ๙๙,๐๐๐ บาท รวมค่าจ้างทำเพลทแม่พิมพ์เป็นเงินทั้งสิ้น ๔๑๕,๓๖๑ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน ๔๑๕,๓๖๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่า จะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การและจำเลยที่ ๑ ฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ ๑ การว่าจ้างโจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์จำเลยที่ ๒ กระทำการแทนจำเลยที่ ๑ เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๓๙ ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๓๙ จำเลยที่ ๑ ว่าจ้างโจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์หลายครั้ง เพื่อทำนิตยสารรายเดือนชื่อไฮสคูลโดยจะต้องทำตามแบบที่จำเลยทั้งสองมอบให้ แต่เพลทแม่พิมพ์ที่โจทก์ทำส่งให้เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๓๙ เมื่อนำไปทำหนังสือตัดเป็นรูปเล่นไม่เท่ากัน และที่ส่งให้เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๙ พิมพ์หนังสือเลอะเพราะเพลทแม่พิมพ์ไม่เรียบร้อย ทั้งโจทก์เรียกใช้ชำระหนี้ก่อนถึงกำหนด จำเลยทั้งสองจึงไม่ชำระ ต่อมาเดือนสิงหาคม ๒๕๓๙ จำเลยที่ ๑ ว่าจ้างโจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์อีก ซึ่งส่งมอบเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๓๙ และวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๙ แต่โจทก์ทำผิดพลาด ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าโฆษณา จำเลยทั้งสองขอให้โจทก์แก้ไขเล็กน้อยมิใช่แก้ไขเพิ่มเติมนอกเหนือจากสัญญา แต่โจทก์บ่ายเบี่ยงทั้งโจทก์ยึดหน่วงเพลทแม่พิมพ์พร้อมยึดต้นฉบับแบบพิมพ์และต้นฉบับแบบโฆษณาของลูกค้าไว้ ทั้งเรียกให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้จำนวน ๔๑๕,๓๖๑ บาท โดยไม่ได้วางบิลขอรับชำระหนี้ตามวิธีที่เคยปฏิบัติ ซึ่งเมื่อวางบิลแล้วจะชำระหนี้ภายใน ๑๒๐ วัน เมื่อโจทก์ยึดหน่วงเพลทแม่พิมพ์ต้นฉบับแบบพิมพ์และต้นฉบับแบบโฆษณาของลูกค้า จำเลยทั้งสองมีสิทธิไม่ชำระ หนี้ดังกล่าวให้โจทก์ อีกทั้งเป็นหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระจำเลยที่ ๑ ทวงถามให้โจทก์คืนเพลทแม่พิมพ์ ต้นฉบับแบบพิมพ์และต้นฉบับแบบโฆษณาของลูกค้า เพื่อพิมพ์หนังสือออกวางจำหน่ายในท้องตลาดให้ทันกำหนดและเก็บเงินค่าโฆษณาจากลูกค้า แต่โจทก์เพิกเฉยเนื่องจากโจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์ยังไม่เรียบร้อย ทำให้จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหายต้องขาดรายได้จากการจำหน่ายหนังสือเป็นเงิน ๑๒๕,๐๐๐ บาท ขาดรายได้จากลูกค้าลงโฆษณาเป็นเงิน ๔๒๔,๓๒๐ บาท ต้องจ่าย ค่าใช้จ่ายออกแบบต้นฉบับทำเพลทแม่พิมพ์เป็นเงิน ๓๕,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๘๔,๓๒๐ บาท จำเลยที่ ๑ จึงฟ้องแย้ง ขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินจำนวน ๕๘๔,๓๒๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ ๑
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์ส่งมอบให้จำเลยตามสัญญาทุกครั้ง การส่งมอบงานแต่ละครั้งจำเลยที่ ๒ จะต้องทำการตรวจสอบก่อนจึงรับมอบงาน จำเลยทั้งสองได้รับมอบงานและโจทก์เรียกเก็บเงินแล้ว และหนี้ทั้งสองเดือนดังกล่าวถึงกำหนดชำระแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้จำเลยทั้งสองว่าจ้างโจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์เพิ่มอีก ๒ ครั้ง ซึ่งโจทก์ได้ส่งมอบเพลทแม่พิมพ์ให้จำเลยทั้งสองตามสัญญาแล้วเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๓๙ และวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๙ จำเลยทั้งสองว่าจ้างให้โจทก์ทำเพิ่มเติมจากแบบและโจทก์ทำให้ ตามสัญญาแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่มารับเพลทแม่พิมพ์ โจทก์ให้เวลาจำเลยทั้งสองชำระค่าจ้างภายใน ๓๐ วัน ไม่ใช่กำหนด ๑๒๐ วัน ตามที่จำเลยทั้งสองอ้าง โจทก์ไม่เคยส่งมอบเพลทแม่พิมพ์ให้จำเลยทั้งสองล่าช้าจึงไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญา หากจำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหายจากการจำหน่ายหนังสือก็ไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท ส่วนที่จำเลยที่ ๑ อ้างว่าขาดรายได้ จากลูกค้าลงโฆษณาก็ไม่เป็นความจริง โจทก์ไม่ต้องรับผิดเพราะเป็นความผิดของจำเลยที่ ๑ เอง และค่าเสียหายไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการออกแบบต้นฉบับเพลทแม่พิมพ์ตามที่จำเลยที่ ๑ อ้างก็ไม่เป็นความจริงและความเสียหายไม่ได้เกิดจากโจทก์ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน ๓๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๔๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๓๙ ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๓๙ จำเลยที่ ๑ ว่าจ้างโจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์ ๔ ครั้ง เพื่อนำไปจัดพิมพ์หนังสือไฮสคูลจำหน่ายให้แก่ลูกค้า โดยโจทก์ให้เครดิตในการชำระค่าจ้างเป็นเวลา ๙๐ วัน โจทก์ส่งเพลทแม่พิมพ์ให้จำเลยที่ ๑ แล้ว ๓ ครั้ง และจำเลยที่ ๑ ได้นำไปพิมพ์หนังสือไฮสคูลฉบับที่ ๓ ถึงที่ ๕ ออกจำหน่ายแล้ว แต่จำเลยทั้งสองยังไม่ได้ชำระค่าจ้างทำเพลทแม่พิมพ์หนังสือไฮสคูลฉบับที่ ๓ ถึงที่ ๕ ให้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๙ โจทก์ส่งมอบเพลทแม่พิมพ์หนังสือไฮสคูลฉบับที่ ๖ ตามสัญญาครั้งที่ ๔ ให้แก่จำเลยทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสองอ้างว่ายังบกพร่องได้ส่งคืนให้โจทก์ทำการแก้ไข แต่เมื่อโจทก์แก้ไขแล้วได้ยึดหน่วงเพลทแม่พิมพ์ดังกล่าวไว้ทำให้จำเลยทั้งสองไม่อาจนำเพลทแม่พิมพ์ดังกล่าวไปจัดพิมพ์หนังสือฉบับที่ ๖ ออกจำหน่ายได้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้างทำเพลทแม่พิมพ์ครั้งที่ ๔ ที่โจทก์นำสืบอ้างว่า จำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าจ้างตามสัญญาจ้างทำเพลทแม่พิมพ์ครั้งก่อน ๆ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะยึดหน่วงเพลทแม่พิมพ์ตามสัญญาครั้งที่ ๔ ได้ นั้น เห็นว่า แม้จำเลยทั้งสองจะจ้างโจทก์ทำเพลทแม่พิมพ์หลายครั้ง แต่ในการจ้างแต่ละครั้งสามารถแยกออกจากกันได้ ดังนั้น หนี้ค่าจ้างตามสัญญาจ้างทำเพลทแม่พิมพ์ครั้งที่ ๑ ถึงที่ ๓ จึงไม่เกี่ยวกับการว่าจ้างครั้งที่ ๔ และไม่เป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์เกี่ยวด้วยเพลทแม่พิมพ์ตามสัญญาจ้างครั้งที่ ๔ ที่โจทก์ยึดถือไว้ ทั้งนี้ค่าจ้างทำเพลทแม่พิมพ์ครั้งที่ ๔ ก็ยังไม่ถึงกำหนดชำระเนื่องจากโจทก์ให้เครดิตแก่จำเลยทั้งสองเป็นเวลา ๙๐ วัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะยึดหน่วงเพลทแม่พิมพ์ดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๔๑ ได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่า ขณะส่งมอบเพลทแม่พิมพ์ตามสัญญาจ้างครั้งที่ ๔ จำเลยกลั่นแกล้งโจทก์โดยให้แก้ไขตลอดเวลาเท่ากับจำเลยทั้งสองประพฤติผิดสัญญา โจทก์จึงยึดถือเพลทแม่พิมพ์ดังกล่าวไว้โดยถือเป็นการเลิกสัญญาโดยปริยายนั้น เห็นว่า ทางพิจารณาโจทก์นำสืบเพียงว่า จำเลยทั้งสองไม่ยอมชำระหนี้ที่ค้างโจทก์จึงไม่คืนเพลทแม่พิมพ์ดังกล่าวให้เท่านั้น หาได้นำสืบว่าจำเลยทั้งสองกลั่นแกล้งให้โจทก์แก้ไขเพลทแม่พิมพ์แต่อย่างใดไม่ ทั้งปรากฏว่าหลักจากโจทก์ไม่ยอมมอบเพลทแม่พิมพ์คืนจำเลยทั้งสองแล้ว ยังได้มีการเจรจาเกี่ยวกับหนี้ที่ค้างชำระกันอีกแต่ตกลงกันไม่ได้ เนื่องจากโจทก์ จะให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ทั้งหมดก่อน แต่จำเลยทั้งสองไม่ยอม จะขอชำระเฉพาะหนี้ที่ถึงกำหนด ข้ออ้างของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิยึดหน่วงเพลทแม่พิมพ์ตามสัญญาจ้างครั้งที่ ๔ การที่โจทก์ยึด เพลทแม่พิมพ์ไว้ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา ชอบแล้ว
ปัญหาตามฎีกาของโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายที่โจทก์อ้างว่า พยานหลักฐานของจำเลยทั้งสองมีเพียงคำกล่าวอ้างลอย ๆ ของนายภูสิต นวลประดิษฐ์ จำเลยที่ ๒ จึงรับฟังไม่ได้นั้น สำหรับค่าขาดรายได้จากการขายหนังสือแม้จำเลย ทั้งสองจะมีเพียงตัวจำเลยที่ ๒ มาเบิกความว่า ในการพิมพ์หนังสือออกจำหน่ายแต่ละครั้ง จะพิมพ์ออกวางตลาดประมาณเดือนละ ๕,๐๐๐ เล่ม ราคาเล่มละ ๖๘ บาท จะมีรายได้เมื่อหักต้นทุนแล้วประมาณ ๑๒๐,๐๐๐ บาท โดยไม่มีหลักฐานอื่นมาแสดง ก็ปรากฏว่าหนังสือของจำเลยทั้งสองได้พิมพ์ออกวางจำหน่ายในท้องตลาดมาแล้วถึง ๕ ฉบับ ย่อมแสดงให้เห็นว่ามีผู้นิยมอ่านพอสมควร ประกอบกับค่าจ้างทำเพลทแม่พิมพ์หนังสือฉบับนี้มีราคาสูงถึง ๙๙,๐๐๐ บาท หากพิมพ์ออกจำหน่ายได้น้อยย่อมไม่คุ้มกับการลงทุน คำเบิกความของจำเลยที่ ๒ จงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ มิใช่การกล่าวอ้างลอย ๆ ดังที่โจทก์อ้าง ทั้งการที่โจทก์ยึดหน่วงเพลทแม่พิมพ์จนทำให้จำเลยทั้งสองไม่สามารถพิมพ์หนังสือออกจำหน่ายย่อมทำให้จำเลยทั้งสองเสียหายอยู่ในตัว ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้แก่จำเลยทั้งสองเป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท จึงเหมาะสมแล้ว ส่วนค่าขาดรายได้จากลูกค้าจ้างลงโฆษณาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้เป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท นั้น จำเลยทั้งสองมีหลักฐานสัญญาจ้างโฆษณา เอกสารหมาย ล. ๙ มาแสดง แม้บางฉบับจะคาบเกี่ยวกับสัญญาจ้างโฆษณาในหนังสือฉบับก่อนก็ใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ทั้งในหนังสือฉบับที่ ๑ ถึงที่ ๕ ที่จำเลยทั้งสองพิมพ์ออกจำหน่ายก็ปรากฏว่ามีการลงโฆษณามาก พอสมควร โจทก์เองก็ไม่ได้นำสืบโต้แย้ง แม้จำเลยทั้งสองไม่นำตัวบุคคลในเอกสารดังกล่าวมาเบิกความยืนยันก็รับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ ค่าเสียหายทั้งหมดที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ชดใช้แก่จำเลยทั้งสองเหมาะสมแล้ว
พิพากษายืน.

Share