แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามรายงานการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งของคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งที่รายงานให้ส. ในฐานะนายกเทศมนตรีของเทศบาลโจทก์ทราบถึงการกระทำละเมิดของจำเลยเมื่อวันที่10พฤศจิกายน2532ระบุชัดว่าผู้ใดเป็นผู้ต้องรับผิดชอบทางแพ่งต่อโจทก์และเป็นผู้แทนโจทก์ตามพระราชบัญญัติเทศบาลพ.ศ.2496มาตรา39ฉะนั้นจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่10พฤศจิกายน2532โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ในวันที่31พฤษภาคม2534จึงขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งเก้าร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์อันเนื่องมาจากมูลละเมิดจำนวน 614,134.70 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 ให้การทำนองเดียวกันว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องสูงเกินความจริง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 5 และที่ 9 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา
ก่อนจำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การ โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 และระหว่างพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า แม้คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งจะรายงานให้นายสุนันท์ในฐานะนายกเทศมนตรีทราบเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2532 แต่โจทก์จะฟ้องพวกจำเลยไม่ได้เพราะต้องรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาและเห็นชอบเสียก่อน ปรากฎตามระเบียบสำนักงาน จ.ส.ท. เอกสารหมายจ.27 ทั้งรายงานการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งเอกสารหมาย จ.18มิได้ระบุว่าบุคคลที่จะต้องรับผิดดังกล่าวจะต้องรับผิดจำนวนเท่าใดจะถือว่านายกเทศมนตรีรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ละเมิดในวันที่10 พฤศจิกายน 2532 ไม่ได้ การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความเห็นชอบต่อรายงานของคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2533 จึงถือว่านายกเทศมนตรีรู้ตัวผู้ละเมิดและรู้ถึงการละเมิดตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่31 พฤษภาคม 2534 จึงไม่ขาดอายุความ ปรากฎว่าคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งได้ทำการสอบสวนแล้วมีความเห็นว่านางเสริมศรี จำเลยที 5 จำเลยที่ 4 นายดิเรก จั่นจีน จำเลยที่ 8 จำเลยที่ 6 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดทางแพ่งและนายสุนันท์ สีหลักษณ์ ได้พิจารณาแล้วเห็นชอบและให้รายงานจังหวัดด่วนในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2532 ปรากฎตามเอกสารหมาย จ.18เห็นว่า ตามรายงานการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งดังกล่าวระบุชัดว่า ผู้ใดเป็นผู้ต้องรับผิดชอบทางแพ่งต่อโจทก์และนายสุนันท์เป็นนายกเทศมนตรีจึงเป็นผู้แทนโจทก์ ตามพระราชบัญญัติเทศบาลพ.ศ. 2496 มาตรา 39 ฉะนั้นข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า โจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ 10พฤศจิกายน 2532 โจทก์ฟ้อง คดีนี้ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2534จึงขาดอายุความตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัย
พิพากษายืน