คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5884/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญากู้และตามตั๋วสัญญาใช้เงินระบุดอกเบี้ยผิดนัดไว้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยธรรมดาที่ไม่ผิดนัด เพราะฉะนั้นข้อสัญญาระหว่างโจทก์เจ้าหนี้กับจำเลยที่ 1 ลูกหนี้จึงมีลักษณะเป็นค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนความเสียหายซึ่งคู่สัญญากำหนดกันไว้ล่วงหน้าเมื่อลูกหนี้ผิดนัด ไม่ชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร เป็นเบี้ยปรับ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 เมื่อศาล เห็นว่าสูงเกินส่วนย่อมมีอำนาจลดลงได้ แต่การลดนั้น จะต้องลดจากส่วนที่สูงเกินไปกว่าที่ตามปกติสัญญากำหนดไว้ในกรณีไม่ผิดนัด มิใช่ลดลงมาต่ำเกินกว่าอัตราดังกล่าว คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ระบุว่า หากจำเลยค้างชำระดอกเบี้ย ครบรอบระยะเวลา 1 ปีของเงินต้นตามสัญญากู้จำนวน 1,000,000 บาท นับแต่วันที่ 9 มีนาคม 2539 เป็นต้นไปขอให้นำดอกเบี้ยที่ค้างชำระในแต่ละรอบระยะเวลา 1 ปีดังกล่าวทบเข้ากับเงินต้นที่ค้างชำระและคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ทบดอกเบี้ยดังกล่าวทุก ๆ 1 ปี เรื่อยไปในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จแต่ในคำฟ้องของโจทก์นั้นโจทก์ได้คำนวณดอกเบี้ยที่ค้างชำระคำนวณถึงวันฟ้อง (วันที่ 30 สิงหาคม 2539) เข้ากับต้นเงิน รวมเป็นหนี้ทั้งหมดที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระแล้วย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะนำดอกเบี้ยที่ค้างชำระนับแต่วันที่ 9 มีนาคม 2539 มาคำนวณคิดเป็นดอกเบี้ยที่ค้างชำระอีกศาลจึงชอบที่จะวินิจฉัยให้ยกคำขอส่วนนี้ของโจทก์เสีย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์หลายประการรวมทั้งประกอบธุรกิจเงินทุนเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2536 จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์จำนวน 1,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 13.25 ต่อปีและวันที่ 1 มิถุนายน 2538 จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์อีก750,000 บาท โดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินไว้เป็นหลักฐานอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15.75 ต่อปี จำเลยที่ 2 ได้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 71233 ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างมาจำนองและทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ต่อมาจำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยให้บางส่วนแล้วผิดนัดชำระหนี้โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาและบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 2,061,858.21 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี จากต้นเงิน 1,750,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้นำดอกเบี้ยของต้นเงินกู้จำนวน 1,000,000 บาท ที่ค้างชำระในแต่ละรอบระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ 9 มีนาคม 2539 ทบเข้ากับเงินต้นที่ค้างชำระและคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระขอให้ยึดทรัพย์ที่จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ขอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน จำนวน 2,061,858.21 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากต้นเงิน 1,750,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 71233พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยมาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของโจทก์ประเด็นแรกว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลดดอกเบี้ยจากอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ลงเป็นร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ได้หรือไม่ โจทก์ฎีกาโต้เถียงว่าลดไม่ได้ เพราะโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้แสดงเจตนาตกลงกันไว้โดยชัดแจ้งแล้วดังที่ปรากฏในสัญญากู้เอกสารหมาย จ.7 ข้อ 2 และตามตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.8 เห็นว่า ข้อความในสัญญากู้เอกสารหมาย จ.7 ข้อ 2 วรรคสอง มีว่า “ในกรณีผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ยตามกำหนดเวลาที่ระบุในสัญญานี้ผู้กู้ยินยอมให้ผู้ให้กู้ปรับอัตราดอกเบี้ยตามวรรคแรกเป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นสูงสุดตามที่ผู้ให้กู้อาจเรียกเก็บจากลูกค้าของตนในฐานะที่เป็นบริษัทเงินทุนประกาศกำหนดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะนั้นได้ทันทีแทนอัตราดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระตามข้อ 2 วรรคแรก ซึ่งในขณะทำสัญญานี้อัตราดอกเบี้ยขั้นสูงสุดที่ผู้ให้กู้ประกาศกำหนดดังกล่าวเท่ากับร้อยละ 21 ต่อปี โดยคำนวณจากเงินต้นที่ยังค้างชำระอยู่ตามสัญญานี้ทั้งหมด ส่วนข้อความในตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.8 ก็ระบุว่าหากผิดนัดให้คิดดอกเบี้ยในอัตรา 21 เปอร์เซ็นต์ต่อปีนับแต่วันผิดนัด ซึ่งตามสัญญาเอกสารหมาย จ.7 และตามตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.8ดังกล่าวระบุดอกเบี้ยผิดนัดไว้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยธรรมดาที่ไม่ผิดนัด เพราะฉะนั้น ข้อสัญญาระหว่างโจทก์เจ้าหนี้กับจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ จึงมีลักษณะเป็นค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนความเสียหายซึ่งคู่สัญญากำหนดกันไว้ล่วงหน้าเมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควรมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 379 เมื่อศาลเห็นว่าสูงเกินส่วนย่อมมีอำนาจลดลงได้แต่การลดนั้นจะต้องลดจากส่วนที่สูงเกินไปกว่าที่ตามปกติสัญญากำหนดไว้ในกรณีไม่ผิดนัด มิใช่ลดลงมาต่ำเกินกว่าอัตราดังกล่าวในกรณีของโจทก์สัญญากู้ตามเอกสารหมาย จ.7 ข้อ 2 ระบุให้คิดดอกเบี้ยรวมแล้วเท่ากับร้อยละ 13.25 ต่อปี และตามตั๋วสัญญาใช้เงินอัตราดอกเบี้ยในกรณีไม่ผิดนัดร้อยละ 15.75 ต่อปีดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดในกรณีสัญญากู้ลงมาเหลือร้อยละ 15 ต่อปีซึ่งยังสูงกว่าดอกเบี้ยในกรณีไม่ผิดนัดจึงมีอำนาจลดลงได้แต่ในกรณีตั๋วสัญญาใช้เงินศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดลงมาเหลือร้อยละ 15 ต่อปีนั้นต่ำกว่าดอกเบี้ยในกรณีไม่ผิดนัดเป็นการไม่ชอบ คงลดลงได้ให้เหลือเพียงอัตราร้อยละ 15.75 ต่อปี
ที่โจทก์ฎีกาเป็นประเด็นที่สองว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคำขอของโจทก์ที่ขอนำดอกเบี้ยตามสัญญากู้ซึ่งค้างชำระ 1 ปี ทบต้นกับเงินต้นเดิมแล้วคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ทบดอกเบี้ยแล้ว (ดอกเบี้ยทบต้น) ในอัตราร้อยละ 21 ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และยกคำขอดังกล่าวเป็นการไม่ชอบนั้นเห็นว่า คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ข้อ 2 โจทก์ขอว่าหากจำเลยค้างชำระดอกเบี้ยครบรอบระยะเวลา 1 ปีของต้นเงินตามสัญญากู้จำนวน 1,000,000 บาท นับแต่วันที่ 9 มีนาคม 2539เป็นต้นไป ขอให้นำดอกเบี้ยที่ค้างชำระในแต่ละรอบระยะเวลา 1 ปีดังกล่าวทบเข้ากับเงินต้นที่ค้างชำระและคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ทบดอกเบี้ยดังกล่าวทุก ๆ 1 ปี เรื่อยไปในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ในคำฟ้องของโจทก์นั้นโจทก์ได้คำนวณดอกเบี้ยที่ค้างชำระคำนวณถึงวันฟ้องเข้ากับต้นเงินรวมเป็นหนี้ทั้งหมดที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำดอกเบี้ยที่ค้างชำระนับแต่วันที่ 9 มีนาคม 2539 มาคำนวณคิดเป็นดอกเบี้ยที่ค้างชำระอีกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยโดยยกคำขอส่วนนี้ชอบแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 1,000,000 บาท กับร่วมกันชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15.75 ต่อปีในต้นเงิน 750,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share