คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม นั้น
ถ้าคู่ความที่มิได้ระบุอ้างพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ขออนุญาตระบุพยานก่อนศาลพิพากษาคดีศาลอาจอนุญาตตามคำขอได้เมื่อมีเหตุอันสมควรและศาลเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานเช่นว่านั้น
โจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานโจทก์ 3 วันอ้างว่าโจทก์ไปเที่ยวหาซื้อสินค้ามาใส่ร้านจำเลยมิได้คัดค้านเหตุที่โจทก์อ้างว่าไปหาซื้อสินค้าว่าไม่เป็นความจริงขณะนั้นคดียังมิได้มีการสืบพยานอย่างใดจะถือว่าโจทก์จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 88 วรรคหนึ่งที่กำหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันหรือประสงค์จะเอาเปรียบในทางคดียังไม่ได้โจทก์ก็ได้ยื่นบัญชีระบุพยานช้าไปเพียงวันเดียว พฤติการณ์แห่งคดีจึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้โจทก์อ้างพยานหลักฐานได้เพื่อให้วินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมตามมาตรา 88 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ขายเชื่อสินค้าให้จำเลยหลายครั้ง จำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้ค่าซื้อเชื่อเป็นรายเดือนทุกเดือน จำเลยชำระให้โจทก์บางส่วนแล้ว เวลานี้จำเลยค้างอยู่ 8,702 บาท โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระ จำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า ไม่เคยซื้อเชื่อสินค้าที่โจทก์ฟ้อง

ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน และนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 10 กันยายน 2507

วันที่ 7 กันยายน 2507 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ออกหมายเรียกพยานศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน โจทก์จึงยื่นบัญชีระบุพยาน แต่ศาลสั่งไม่รับ

วันที่ 8 กันยายน 2507 โจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์มิได้จงใจไม่ยื่นบัญชีระบุพยานเสียก่อนวันสืบพยาน 3 วัน เพราะเหตุว่าโจทก์ไปเที่ยวหาซื้อสินมาใส่ร้านที่จังหวัดพระนครตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2507 เพิ่งกลับมาถึงอำเภอกันทรารมย์ วันที่ 5 กันยายน 2507 ซึ่งเป็นวันเสาร์ โจทก์จึงยื่นบัญชีระบุพยานในวันที่ 7 กันยายน 2507 จำเลยมิได้เสียเปรียบเพราะยังมิได้มีการสืบพยานกันเลยเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอให้ศาลรับบัญชีระบุพยานโจทก์ไว้ด้วย

วันที่ 8 กันยายน 2507 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามพฤติการณ์แสดงว่าโจทก์ละเลยไม่ยื่นบัญชีระบุพยาน เพราะศาลนัดล่วงหน้ากว่า 10 วัน โจทก์ควรจะยื่นเนิ่น ๆ วันที่ 7 กันยายน 2507 โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานโดยอ้างว่ายื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้วแสดงว่าโจทก์ไม่เอาใจใส่ต่อคดีของโจทก์ว่าได้ยื่นบัญชีพยานแล้วหรือไม่ ซึ่งความจริงไม่ได้ยื่น ให้ยกคำร้อง

ครั้นถึงวันที่ 10 กันยายน 2507 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้เลื่อนไปสืบพยานจำเลยในวันที่ 21 กันยายน 2507

วันที่ 11 กันยายน 2507 จำเลยยื่นคำแถลงว่า เมื่อยังไม่มีการสืบพยานในวันที่ 10 กันยายน 2507 บัญชีระบุพยานที่โจทก์ยื่นไว้ต่อศาลเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2507 ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมโจทก์ขอยื่นบัญชีระบุพยานใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า วันที่ 10 กันยายน 2507 เป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ และศาลได้สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานโจทก์แล้ว โจทก์จะขอยื่นบัญชีระบุพยานอีกไม่ได้

ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคแรก กำหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ถ้าหากจะยื่นน้อยกว่า 3 วันหรือจะยื่นเมื่อใดก็ได้ย่อมเป็นการขัดต่อบทกฎหมายซึ่งบัญญัติบังคับไว้โดยชัดแจ้งแล้ว ทั้งคดีไม่ต้องด้วยมาตรา 88 วรรค 3 เมื่อโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน แต่ไม่ยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลจึงถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ โจทก์จึงต้องแพ้คดี พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานโจทก์เพียง 2 วัน เหตุที่โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน เป็นเพราะโจทก์ไปหาซื้อสินค้าที่กรุงเทพฯ เพิ่งกลับมาวันที่ 5 กันยายน 2507 ซึ่งเป็นวันเสาร์ จึงเป็นเหตุอันสมควรที่จะถือว่าโจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลก่อนพิพากษาคดี ขออนุญาตอ้างบัญชีระบุพยานเช่นว่านั้น และศาลอุทธรณ์เห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จำเป็นต้องสืบพยานเช่นว่านั้นตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 1034/2503 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามกระบวนความแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรค 3 นั้น ถ้าคู่ความที่มิได้ระบุอ้างพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ขออนุญาตระบุพยานก่อนศาลพิพากษาคดีศาลอาจอนุญาตตามคำขอได้ เมื่อมีเหตุอันสมควรและศาลเห็นว่าเพื่อให้วินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานเช่นว่านั้น

เรื่องนี้ จำเลยมิได้คัดค้านเหตุที่โจทก์อ้างว่าไปหาซื้อสินค้าที่กรุงเทพฯ เพิ่งกลับมาถึงอำเภอกันทรารมย์ในวันที่ 5 กันยายน 2507 ว่าไม่เป็นความจริง ในขณะนั้นคดีก็ยังไม่มีการสืบพยานอย่างใดศาลฎีกาจึงเห็นว่า จะถือว่าโจทก์จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 88 วรรค 1 ที่กำหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน หรือประสงค์จะเอาเปรียบในทางคดียังไม่ได้ โจทก์ก็ได้ยื่นบัญชีระบุพยานช้าไปเพียงวันเดียว พฤติการณ์แห่งคดีจึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้โจทก์อ้างพยานหลักฐานได้ เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมตามมาตรา 88 วรรค 3 ดังที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว คำพิพากษาฎีกาที่ 1336/2503 ที่จำเลยอ้างเป็นเรื่องที่สืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนจนเสร็จแล้ว โจทก์จึงมาร้องขอระบุพยาน ไม่ตรงกับรูปคดีนี้พิพากษายืน

Share