คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5867/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นในคดีก่อน ระหว่างพิจารณาคดีดังกล่าวโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ แม้ฟ้องคดีก่อนและฟ้องคดีนี้ต่างอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาตามสัญญาซื้อขายฉบับเดียวกันก็ตาม แต่จำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระตามคำฟ้องทั้งสองคดีเป็นคนละจำนวนกัน กล่าวคือ ฟ้องคดีก่อนโจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระราคาสินค้าร้อยละ 10 ที่จำเลยต้องชำระในวันทำสัญญาและราคาสินค้าที่ต้องผ่อนชำระงวดที่ 1 ถึงงวดที่ 8ส่วนฟ้องคดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระราคาสินค้าที่ต้องผ่อนชำระงวดที่ 9 ถึงงวดที่ 12 และราคาน้ำยาเคมีที่ใช้สำหรับทางการแพทย์ซึ่งยังไม่ถึงกำหนดชำระเมื่อโจทก์เสนอคำฟ้องคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงมิใช่ฟ้องเรื่องเดียวกับฟ้องคดีก่อน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ค่าสั่งซื้อเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจพร้อมอุปกรณ์และค่าสินค้าประเภทน้ำยาเคมีที่ใช้สำหรับทางการแพทย์ พร้อมดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้องจำนวน2,506,521.86 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 2,438,331.32 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน2,278,331.32 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน559,964.08 บาท นับแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2537 จากต้นเงิน559,964.08 บาท นับแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2537 จากต้นเงิน559,964.08 บาท นับแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2537 จากต้นเงิน559,964.08 บาท นับแต่วันที่ 15 กันยายน 2537 และคิดจากต้นเงิน 38,475 บาท นับแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2533 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยซื้อเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจพร้อมอุปกรณ์ครบชุดจากโจทก์ ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.4 โจทก์เคยฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 516/2537 ให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.4 ระหว่างพิจารณาคดีดังกล่าวโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับฟ้องคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 516/2537หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ฟ้องคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 516/2537และฟ้องคดีนี้ต่างอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.4 เหมือนกัน แต่จำนวนหนี้ที่ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระตามคำฟ้องทั้งสองคดีเป็นคนละจำนวนกัน กล่าวคือตามฟ้องคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 516/2537 โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระราคาสินค้าร้อยละ 10 ที่จำเลยต้องชำระในวันทำสัญญาจำนวน 746,618.78 บาท และราคาสินค้าที่ต้องผ่อนชำระงวดที่ 1 ถึงงวดที่ 8 ส่วนตามฟ้องคดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระราคาสินค้าที่ต้องผ่อนชำระงวดที่ 9 ถึงงวดที่ 12 และราคาน้ำยาเคมีที่ใช้สำหรับทางการแพทย์ซึ่งยังไม่ถึงกำหนดชำระเมื่อโจทก์เสนอคำฟ้องคดีแพ่งหมายเลขแดงที่516/2537 ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงมิใช่ฟ้องเรื่องเดียวกับฟ้องคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 516/2537 ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น….”

พิพากษายืน

Share