คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ตายถูกไม้ตีที่ศีรษะจนกระโหลกแตกละเอียดและยุบ และที่เนินดินจอมปลวกเหนือศพผู้ตายมีรอยยุบลักษณะถูกศีรษะคนกระแทก แต่ไม่ได้ความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กระทำการทารุณโหดร้ายผู้ตายอย่างไรบ้าง เพราะโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น การที่จำเลยจับศีรษะผู้ตายกระแทกกับเนินดินจอมปลวกและใช้ไม้ตีศีรษะผู้ตายจนกระโหลกแตกละเอียด น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันทีเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเท่านั้น มิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่ลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานพฤติเหตุแวดล้อมแน่นหนามั่นคง โดยเฉพาะเลือดที่ติดอยู่ที่กางเกงชั้นในของจำเลยมี DNAHLADQoc ชนิด 1.2,1.2 ตรงกับผู้ตาย แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ศาลก็ได้อาศัยพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยอีก ทั้งตามรูปคดีที่โจทก์นำสืบก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน หาใช่รับสารภาพเพราะสำนึกในความผิดไม่ คำรับสารภาพของจำเลยทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาในกรณีเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมอีกได้ จึงจะนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) มาใช้กับกรณีที่ศาลลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดกระทงที่หนักที่สุดหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277,288, 289, 319, 91 และริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นสืบพยานหลักฐานโจทก์แล้ววินิจฉัยว่า คดีนี้พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมารับฟังได้ว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพมาตลอดก็ตาม แต่การรับสารภาพนั้นก็เพราะจำนนต่อพยานแวดล้อมกรณีที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ อีกทั้งเจ้าพนักงานตำรวจพบเลือดผู้ตายติดตามร่างกายและเสื้อผ้าของจำเลย ทำให้จำเลยไม่สามารถให้การปฏิเสธให้พ้นความผิดได้ประกอบกับพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยร้ายแรง ไม่สมควรลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)(7), 277 วรรคสอง, 317 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายและเพื่อปกปิดความผิดของตน ให้ประหารชีวิต ฐานกระทำชำเราเด็กหญิง (อายุยังไม่เกินสิบสามปี) ให้จำคุกตลอดชีวิต และฐานพรากผู้เยาว์ (ที่ถูกฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี) ให้จำคุก 20 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว ให้ประหารชีวิตจำเลยเพียงสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน แต่ให้ริบของกลาง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเป็นข้อแรกว่า วิธีการที่จำเลยฆ่าผู้ตายเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายหรือไม่ในปัญหาข้อนี้แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยจึงยกขึ้นฎีกาได้ ได้ความตามทางพิจารณาว่าหลังเกิดเหตุร้อยตำรวจโทมังกร กวีกรณ์ พนักงานสอบสวนกับนายนิพนธ์ ศุภรัตนชาติพันธ์ เจ้าพนักงานแพทย์โรงพยาบาลละหานทรายได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพผู้ตาย พบว่าผู้ตายถูกไม้ตีที่ศีรษะจนกระโหลกแตกละเอียดและยุบ และที่เนินดินจอมปลวกเหนือศพผู้ตายมีรอยยุบลักษณะถูกศีรษะคนกระแทก แต่ไม่ได้ความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กระทำการทารุณโหดร้ายผู้ตายอย่างไรบ้าง เพราะโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น การที่จำเลยจับศีรษะผู้ตายกระแทกกับเนินดินจอมปลวกและใช้ไม้ตีศีรษะผู้ตายจนกระโหลกแตกละเอียด น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันทีเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเท่านั้นมิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ดังที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคดีนี้คงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7) ซึ่งมีระวางโทษประหารชีวิตสถานเดียวเช่นเดิม จึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปว่า กรณีมีเหตุสมควรลดโทษประหารชีวิตให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 คงเหลือโทษจำคุกสถานเดียวหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้คดีนี้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่ลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานพฤติเหตุแวดล้อมแน่นหนามั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือดซึ่งติดอยู่ที่กางเกงชั้นในตัวที่จำเลยสวมใส่ในขณะที่จำเลยถูกจับกุมในวันเกิดเหตุ แม้ผู้ตายและจำเลยจะมีเลือดหมู่เอบีเช่นเดียวกันแต่ผู้ชำนาญการพิเศษสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจได้ตรวจสารพันธุกรรมแล้วพบว่าเลือดที่ติดอยู่ที่กางเกงชั้นในของจำเลยดังกล่าวมี DNA HLA DQ oc ชนิด 1.2, 1.2 ตรงกับผู้ตาย จึงฟังได้ว่าเป็นเลือดของผู้ตาย การที่กางเกงชั้นในของจำเลยมีเลือดของผู้ตายมาติดอยู่ได้เช่นนี้ เป็นข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าคนร้ายที่พาผู้ตายไปกระทำชำเราจนช่องคลอดฉีกขาดและฆ่าผู้ตายจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากจำเลยแม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ศาลก็ได้อาศัยพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยอีก ทั้งตามรูปคดีที่โจทก์นำสืบก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานอันเป็นรอยเลือดของผู้ตายที่ติดอยู่ตามร่างกายและเสื้อผ้าของจำเลยชุดที่จำเลยสวมใส่อยู่ในขณะถูกจับกุมภายหลังเกิดเหตุใหม่ ๆ หาใช่รับสารภาพเพราะสำนึกในความผิดไม่ เพราะได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจโทมังกรพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ว่า วันเกิดเหตุหลังจากพยานได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายลักพาตัวผู้ตายแล้ว พยานได้แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจทราบ ต่อมาร้อยตำรวจโทผดุงกับพวกได้ควบคุมตัวจำเลยในฐานะผู้ต้องสงสัยมามอบให้พยานสอบสวนซึ่งศาลฎีกาได้ตรวจดูแล้ว ตามบันทึกดังกล่าวระบุว่า จำเลยซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาได้ให้การว่าจำเลยพาตัวผู้ตายไปจริง แต่จำเลยได้ปล่อยตัวผู้ตายไปแล้วที่ริมหมู่บ้านโดยจำเลยไม่ได้ทำอะไรผู้ตาย และได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจโทมังกรพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ต่อไปอีกว่า ต่อมาพยานได้ตรวจร่างกายจำเลย พบว่าที่อวัยวะเพศจำเลยมีคราบเลือดติดอยู่และที่กางเกงชั้นในของจำเลยก็มีคราบเลือดติดอยู่พยานได้สอบสวนอีกจำเลยจึงยอมให้การรับสารภาพ ทั้งตามรูปคดีที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ อันเป็นพยานวัตถุและพยานแวดล้อมโดยอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยแต่อย่างใด ดังนี้ คำรับสารภาพของจำเลยทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาในกรณีเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้ สำหรับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2540 ซึ่งจำเลยอ้างมาในฎีกานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยไม่ลดโทษให้จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษารวมโทษจำเลยโดยระบุว่าเมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว ให้ประหารชีวิตจำเลยเพียงสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนมานั้น ยังไม่ถูกต้อง เพราะบทบัญญัติดังกล่าวจะนำมาใช้กับกรณีที่ศาลลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดกระทงที่หนักที่สุดหาได้ไม่เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะความผิดต่อชีวิตจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7) ส่วนกำหนดโทษให้คงเดิมและเมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมอีกได้คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ทั้งนี้โดยไม่ปรับบทประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share