แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากจำเลยเป็นหนังสือและสัญญาเช่าอยู่ที่จำเลย จำเลยให้การว่าไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือสัญญาเช่าไม่มีอยู่ที่จำเลย เช่นนี้ โจทก์นำ พยานบุคคลเข้าสืบว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา93(2) ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 94 แม้สัญญาเช่าจะเป็นสิทธิเฉพาะ ตัวของผู้เช่าก็ตาม เมื่อทั้งโจทก์และ ว.ต่างเป็นผู้เช่าห้องพิพาทจากจำเลยการตายของว.เป็นเหตุให้สิทธิการเช่า ระงับไปเฉพาะ ตัวของ ว. หาทำให้สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับไปด้วยไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาให้โจทก์และนายวิชัย สมบูรณ์เทอดธนาพี่โจทก์ เช่าอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น2 ห้อง ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินของจำเลยมีกำหนด 10 ปี คิดค่าเช่าเป็นรายปี โดยให้โจทก์กับนายวิชัยก่อสร้างต่อเติมอาคาร ให้โจทก์กับนายวิชัยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยตกลงกันว่าเมื่อครบ 10 ปีแล้วโจทก์กับนายวิชัยยินยอมยกสิ่งก่อสร้างให้เป็นสิทธิแก่จำเลยข้อตกลงนี้ทำเป็นหนังสืออยู่ในความครอบครองของจำเลย โจทก์ นายวิชัยและจำเลยทั้งสองไปยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนเช่าต่อพนักงานที่ดินทางเจ้าพนักงานที่ดินได้ประกาศเรื่องการจดทะเบียนเช่าดังกล่าวโจทก์กับนายวิชัยได้ชำระค่าเช่าล่วงหน้าเป็นเงิน 80,000 บาทให้แก่จำเลยทั้งสอง ต่อมานายวิชัยตาย จำเลยนำอาคารดังกล่าวให้บุคคลอื่นเช่า โจทก์ได้รับความเสียหายที่ได้ก่อสร้างต่อเติมอาคารไปแล้วเป็นเงิน 56,640 บาท หากโจทก์ได้ประกอบกิจการค้าจะได้เงินสุทธิซึ่งขอคิดเป็นเงิน 530,000 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้โจทก์มีกำหนด 10 ปี หากขัดขืนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา หากไม่สามารถไปจดทะเบียนการเช่าได้ให้จำเลยทั้งสองคืนเงินค่าเช่า เงินค่าก่อสร้างและชดใช้ค่าเสียหาย รวมเป็นเงิน 666,640 บาท
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยตรวจดูแล้วไม่พบสัญญาเช่าที่โจทก์อ้าง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับเงินมัดจำค่าเช่าจากโจทก์ ที่ว่าโจทก์ลงทุนก่อสร้างไปเป็นเงิน 56,640 บาท ไม่เป็นความจริง โจทก์ได้ทำละเมิดต่อจำเลยทั้งสอง ทำให้ทรัพย์สินของจำเลยเสียหาย 200,286 บาท ขอให้พิพากษาให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ได้ทำละเมิดต่อจำเลยโจทก์ทำการก่อสร้างต่อเติมอาคารโดยจำเลยทั้งสองตกลงยินยอม จะเสียหายไม่เกิน 10,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 183,000บาท แก่โจทก์ยกฟ้องแย้ง
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงในเบื้องต้นว่า จำเลยทั้งสองตกลงให้โจทก์และนายวิชัยเช่าห้องพิพาทของจำเลยทั้งสอง แล้วพากันไปยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนการเช่าห้องพิพาทมีกำหนด 10 ปี ทางอำเภอได้ประกาศแล้ว ต่อมาจำเลยที่ 1 ไปขอยกเลิกการเช่าดังกล่าวและวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาเช่ากันเป็นหนังสือสัญญาเช่าอยู่ที่จำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่า ไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือสัญญาเช่าไม่มีอยู่ที่จำเลย เช่นนี้โจทก์นำพยานบุคคลเข้าสืบว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาเช่ากันเป็นหนังสือตามคำฟ้องได้ เพราะเป็นการนำสืบพยานบุคคลเพื่อให้เห็นว่ามีสัญญาเช่าเป็นหนังสือจริงดังที่โจทก์กล่าวอ้าง จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 แต่กรณีต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2)… โจทก์และนายวิชัยต่างเป็นผู้เช่าห้องพิพาทจากจำเลยทั้งสอง แม้สัญญาเช่าจะเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่า เมื่อนายวิชัยตาย สิทธิการเช่าย่อมระงับไปเฉพาะตัวนายวิชัยแต่ผู้เดียว สัญญาเช่าระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองหาได้ระงับไปด้วยไม่…”
พิพากษายืน.