คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5851/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายที่ดินระหว่าง จ. ผู้ตาย กับจำเลยเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดที่จะต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรก เมื่อสัญญาซื้อขายมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมตกเป็นโมฆะ แม้ที่ดินที่ซื้อขายกันจะเป็นเพียงที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งไม่เคยมีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ เจ้าของที่ดินมีเพียงสิทธิครอบครอง และการซื้อขายจะสมบูรณ์ด้วยการส่งมอบการครอบครอง ไม่จำต้องทำตามแบบของนิติกรรมก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของ จ. ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินให้แก่โจทก์ตามหนังสือสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดซึ่งตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนางจ๋อย ใกล้ชิด ผู้ตาย และเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามคำสั่งศาลชั้นต้นจำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน จำเลยที่ 1 มีชื่อเป็นผู้ถือสิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 1760 และ น.ส.3 สารบบเลขที่ 18 จำนวน2 แปลง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2529 จำเลยทั้งสองได้ตกลงขายที่ดินทั้งสองแปลงให้แก่นางจ๋อยในราคา 180,000 บาทจำเลยทั้งสองได้รับเงินค่าที่ดินไปครบถ้วนแล้วและได้มอบการครอบครองที่ดินให้แก่ผู้ตายในวันทำสัญญา โดยได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันไว้และตกลงจะโอนให้แก่กันในภายหน้า นางจ๋อยผู้ตายกับโจทก์ได้ครอบครองที่ดินที่ซื้อขายกันมาโดยตลอดด้วยเจตนาเป็นเจ้าของหลังจากนางจ๋อยได้ถึงแก่ความตายในวันที่ 7 ธันวาคม2529 และศาลมีคำสั่งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว โจทก์ได้ติดต่อทวงถามให้จำเลยทั้งสองโอนที่ดินให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 1760 และ น.ส.3 สารบบเลขที่ 18 ตำบลบ่อนอก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า สัญญาซื้อขายตามสำเนาหนังสือสัญญาเอกสารท้ายฟ้องคู่สัญญามีเจตนามุ่งซื้อขายที่ดินกันเสร็จเด็ดขาดเมื่อมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนสิทธิตามสัญญาซื้อขายได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายเพียงประเด็นเดียวว่า หนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างนางจ๋อย ใกล้ชิด กับจำเลยทั้งสองตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องตกเป็นโมฆะหรือไม่เมื่อพิเคราะห์ข้อความในสำเนาหนังสือสัญญาการซื้อขายเอกสารท้ายฟ้องจะเห็นได้ว่า สัญญาดังกล่าวมีข้อความชัดเจนว่าจำเลยทั้งสองตกลงขายที่ดินพิพาทให้แก่นางจ๋อย ใกล้ชิด โดยมีความประสงค์ขายขาดในราคา 180,000 บาท และได้จ่ายเงินถูกต้องตามที่ตกลงกันรวมทั้งได้มอบที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2529 แล้ว ไม่มีข้อความตอนใดให้สัญญาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าคู่สัญญาประสงค์ที่จะให้เป็นสัญญาซื้อขายซึ่งต้องไปจดทะเบียนโอนกันภายหลังอันจะทำให้เห็นว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อขายศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาซื้อขายระหว่างนางจ๋อย ใกล้ชิดกับจำเลยทั้งสองเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดที่จะต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรกเมื่อสัญญาซื้อขายดังกล่าวมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมตกเป็นโมฆะ แม้ที่ดินพิพาทที่ซื้อขายกันจะเป็นเพียงที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ซึ่งไม่เคยมีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ เจ้าของที่ดินมีเพียงสิทธิครอบครอง และการซื้อขายจะสมบูรณ์ด้วยการส่งมอบการครอบครอง ไม่จำต้องทำตามแบบของนิติกรรมก็ตามแต่การที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามหนังสือสัญญาซื้อขายซึ่งเป็นโมฆะ โจทก์จึงหามีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามสัญญาได้ไม่”
พิพากษายืน

Share