คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยจะระบุผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรค 3 จะต้องมีเหตุอันสมควรแสดงว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำผู้เชี่ยวชาญมาสืบหรือทราบว่าผู้เชี่ยวชาญได้มีอยู่
การที่จำเลยเบิกความ ได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ ตามหนังสือปรากฏว่าจำเลยรับเงินไปแล้ว จำเลยกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับเงิน โดยจำเลยคิดจะเอาเงินจากสามีจำเลย จึงขอให้โจทก์ช่วยเหลือ โดยจำเลยจะทำหนังสือกู้ให้ เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยแล้วให้สามีออกเงินใช้ โจทก์ก็จะให้เงินจำเลย ดังนี้ จำเลยต้องนำสืบ

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ต้นเงินกู้ เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จำเลยขอให้ส่งสัญญากู้ตามฟ้องไปให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินกู้พร้อมกับดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยจะระบุผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๘ วรรค ๓ นั้น มิใช่ด้วยอาศัยเหตุที่ได้ยื่นก่อนศาลพิพากษาอย่างเดียว จะต้องมีเหตุอันสมควรแสดงว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำผู้เชี่ยวชาญมาสืบเพื่อประโยชน์ของตน หรือไม่ทราบว่าผู้เชี่ยวชาญได้มีอยู่การที่จำเลยคาดหมายว่าการสืบผู้เชี่ยวชาญอาจได้ความอย่างนั้นอย่างนี้ มิใช่เหตุอันสมควร
การที่จำเลยเบิกความว่า ได้ทำหนังสือกู้เอกสาร จ.๑ ให้โจทก์จริง และปรากฏตามเอกสาร จ.๑ ว่า จำเลยรับเงินไปเสร็จแล้ว เมื่อจำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงว่าไม่ได้รับเงินจากโจทก์ จำเลยคิดจะเอาเงินจากสามีซึ่งทะเลาะแยกกันอยู่ จึงขอให้โจทก์ช่วยเหลือทำเอกสารหมาย จ.๑ เพื่อฟ้องเรียกเงินจากจำเลย หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงข้อนี้จึงตกอยู่แก่จำเลย
พิพากษายืน

Share