แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อรถยนต์ของกลางเป็นพาหนะที่จำเลยใช้คุ้มกันช่วยเหลือขณะทำการปล้นทรัพย์และใช้นำตัวเจ้าทรัพย์ไปทำร้ายร่างกายระหว่างทำการปล้นทรัพย์ด้วย รถยนต์ของกลางดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐,๓๔๐ ตรี,๘๓,๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔,๑๕ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ.๒๕๒ มาตรา ๔ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗,๘ ทวิ,๗๒,๗๒ ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๓,๖,๗ ริบรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน ๖ ช – ๘๐๒๕ กรุงเทพมหานคร อาวุธปืน กระสุนปืน ของปืนและซองใส่กระสุนปืนของกลางให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน ๕,๒๕๐ บาท แก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐,๓๔๐ ตรี ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔,๑๕ จำคุกคนละ ๓๐ ปี มีความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗,๗๒ จำคุกคนละ ๒ ปี มีความผิดฐานพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไปในทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา + ทวิ, ๗๒ ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๓,๖,๗ จำคุกคนละ ๖ เดือน รวมจำคุกคนละ ๓๒ ปี ๖ เดือน ริบรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน ๖ ข – ๘๐๒๕ กรุงเทพมหานคร อาวุธปืน กระสุนปืน ซองและปืนและซองใส่กระสุนของกลาง ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน ๕,๒๕๐ บาท แก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ขอถอนฎีกา ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว วินิจฉัยข้อกฎหมายว่า รถยนต์ของกลางนั้นได้ความว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ใช้เป็นพาหนะคุ้มกันช่วยเหลือขณะทำการปล้นทรัพย์ และใช้นำตัวนายอุดมเจ้าทรัพย์ไปทำร้ายร่างกายระหว่างทำการปล้นทรัพย์ด้วย จึงฟังได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ปล้นทรัพย์คดีนี้ ส่วนจำเลยที่ ๔ พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอ+ลงโทษจำเลยที่ ๔ ได้และที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทความผิดของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ โดยมิได้ระบุวรรค สมควรระบุเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๔ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์