คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584-585/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าเงินเดือนของพนักงานการไฟฟ้านครหลวงในระหว่างที่ได้รับบาดเจ็บอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย เป็นเหตุให้ไม่สามารถไปประกอบหน้าที่การงานให้แก่การไฟฟ้านครหลวงได้ตามปกติ ถือว่าเป็นค่าขาดแรงงานซึ่งการไฟฟ้านครหลวงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้จากจำเลยได้

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยโจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องจำเลยทั้งสองว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นลูกจ้างบริษัทจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์โดยสารประจำทางสายบุคคโล-บางลำภูไปตามถนนเจริญนคร จากคลองสานมุ่งไปทางบุคคโลด้วยความเร็วสูงปราศจากความระมัดระวัง โดยไม่ชลอความเร็วให้ช้าลงเมื่อกำลังข้ามสะพานเจริญนคร ๘ ครั้นเมื่อถึงเชิงสะพานได้ขับหลบหลุมไปทางซีกขวาของถนน เป็นเหตุให้ชนกับรถจักรยานยนต์เวสป้า ๒ ล้อที่นายสุพรรณโจทก์ขับสวนมาอย่างแรง ทำความเสียหายแก่รถจักรยานยนต์และนายสุพรรณได้รับบาดเจ็บสาหัส ศาลแขวงธนบุรีพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๒ ซึ่งรับสารภาพในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสตามคดีของศาลดังกล่าว หมายเลขแดงที่ ๑๔๖๖/๒๕๐๖ จำเลยที่ ๒ กระทำละเมิดในขณะปฏิบัติหน้าที่การงานของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ จึงต้องร่วมรับผิดด้วยในผลแห่งละเมิดนี้ โจทก์ต้องออกค่าใช้จ่ายเป็นค่าที่พักครึ่งหนึ่งเป็นเงิน๒,๑๐๐ บาท ค่าอาหาร ๘๒๐ บาท ค่าผ่าตัดถอดเหล็กออกจากกระดูก๕๘๐ บาท และค่าที่โจทก์ถูกทำลายความก้าวหน้าในชีวิตการงานซึ่งโจทก์ขอเรียกเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น ๓๓,๕๐๐ บาทส่วนการไฟฟ้านครหลวง โจทก์ได้รับความเสียหายโดยต้องเสียค่าซ่อมรถจักรยานยนต์เป็นเงิน ๒,๑๐๕ บาท ค่าที่พัก ค่ายารักษาซึ่งต้องจ่ายไปแทนนายสุพรรณ เป็นเงิน ๙,๓๙๑ บาท ค่าเงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ของนายสุพรรณโจทก์รวม ๓ เดือน ๒๙ วัน ซึ่งการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ต้องจ่ายให้แก่นายสุพรรณโดยไม่ได้รับการปฏิบัติตอบแทนจากนายสุพรรณเป็นเงิน๗,๓๙๐.๖๘ บาท รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น ๑๘,๗๙๖ บาท ๖๘ สตางค์
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๒ มิได้ประมาท หากแต่นายสุพรรณโจทก์ขับรถด้วยความเร็วปราศจากความระมัดระวังหลบหลุมบ่อจนบังคับรถไว้ไม่ได้ รถจึงพุ่งเข้าชนรถจำเลยที่ ๒ นายสุพรรณโจทก์กระโดดออกจากรถไปฟาดกับพื้นถนนได้รับบาดเจ็บ และรถโจทก์เสียหายเพราะการกระทำของโจทก์เอง การไฟฟ้านครหลวงมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่นายสุพรรณระหว่างที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่อยู่รวมทั้งระหว่างเจ็บป่วยภาษีเงินได้ก็เป็นเงินที่การไฟฟ้านครหลวงต้องเสียโดยหักจากเงินเดือนนายสุพรรณ จึงไม่ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ ๑ มิได้รู้เห็นด้วยในการที่จำเลยที่ ๒ รับสารภาพในคดีอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน๓๓,๕๐๐ บาท และ ๖,๐๑๕ บาท แก่นายสุพรรณ และการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ตามลำดับ ส่วนเงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ เห็นว่า การไฟฟ้านครหลวงมีหน้าที่ต้องจ่ายให้แก่นายสุพรรณอยู่แล้วจึงเรียกไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ทั้งสองสำนวน
การไฟฟ้านครหลวงอุทธรณ์ในจำนวนค่าเสียหาย ส่วนจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า เหตุเกิดขึ้นด้วยความประมาทของนายสุพรรณโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ ประมาทฝ่ายเดียว และเห็นว่าจำเลยทั้งสองยังต้องใช้ค่าเสียหายที่ยังขาดอยู่อีก ๕,๒๗๑ บาท ส่วนเงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ที่การไฟฟ้านครหลวงต้องจ่ายให้นายสุพรรณไปนั้นเป็นเรื่องระหว่างการไฟฟ้านครหลวงกับนายสุพรรณ ไม่ใช่ค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชดใช้ พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวนที่ยังขาด ๕,๒๗๑ บาทแก่โจทก์
การไฟฟ้านครหลวงโจทก์ฎีกาให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้เงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ของนายสุพรรณที่ต้องจ่ายให้ไปโดยการไฟฟ้านครหลวงไม่ได้รับการปฏิบัติงานตอบแทนจากนายสุพรรณระหว่างนั้น ส่วนจำเลยทั้งสองฎีกาว่า มิได้ประมาทจึงไม่ต้องรับผิด และโต้แย้งเฉพาะค่ารักษาพยาบาลจำนวน ๕,๒๗๑ บาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ชำระแก่โจทก์อีก
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีสำหรับจำเลยที่ ๒ นั้น ปรากฏว่าได้ให้การรับสารภาพไว้ตามคดีอาญาแดงที่ ๑๔๖๖/๒๕๐๖ และถูกพิพากษาลงโทษไปแล้ว โดยโทษจำคุกให้รอไว้ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ศาลจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ ส่วนฎีกาของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนายจ้างจำเลยที่ ๒ ซึ่งยังโต้เถียงอยู่นั้น วินิจฉัยยืนตามศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยที่ ๒เป็นฝ่ายประมาทจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ แต่สำหรับค่าสินไหมทดแทนในกรณีค่ารักษาพยาบาลที่จำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งขึ้นมาว่าการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าสำหรับเงินค่ารักษาพยาบาลที่การไฟฟ้านครหลวงโจทก์เรียกร้องนี้แม้จะฟังว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่การไฟฟ้านครหลวงโจทก์ได้จ่ายไปในการรักษาพยาบาลนายสุพรรณ ก็หามีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชดใช้ให้ไม่เพราะไม่มีกฎหมายให้สิทธิการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ที่จะเรียกเงินในส่วนนี้เอาจากจำเลยได้โดยตรง และแม้จะอ้างว่ามีหน้าที่ต้องออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้แก่นายสุพรรณ แต่ก็หาได้นำสืบให้ปรากฏไม่ว่า การไฟฟ้านครหลวงมีหน้าที่อย่างใดที่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวให้นายสุพรรณอันจะถือว่าการไฟฟ้านครหลวงมีความผูกพันร่วมกับนายสุพรรณหรือเพื่อนายสุพรรณในการต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ เห็นว่า ฎีกาจำเลยในส่วนนี้ฟังขึ้น ส่วนฎีกาของการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ที่ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเงินเดือนและค่าภาษีเงินได้ที่ต้องจ่ายให้แก่นายสุพรรณในระหว่างเจ็บต้องพักรักษาตัวรวม ๓ เดือน ๒๙ วัน เป็นเงิน ๗,๓๙๐ บาท ๖๘ สตางค์ นั้น เห็นว่า นายสุพรรณเป็นพนักงานมีหน้าที่ต้องประกอบการงานให้แก่การไฟฟ้านครหลวงโจทก์เป็นประจำ การกระทำละเมิดของจำเลยเป็นเหตุให้นายสุพรรณไม่สามารถไปประกอบหน้าที่การงานให้การไฟฟ้านครหลวงได้ตามปกติ เป็นเหตุให้การไฟฟ้านครหลวงขาดประโยชน์จากแรงงานของนายสุพรรณการไฟฟ้านครหลวงย่อมได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๕ จึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้ด้วยซึ่งเมื่อคิดคำนวณจากเงินเดือนของนายสุพรรณในระหว่างระยะเวลา ๓ เดือน๒๙ วันแล้วเป็นเงินรวม ๖,๙๔๑.๖๖ บาท ส่วนที่ขอให้จำเลยใช้ค่าภาษีเงินได้ที่การไฟฟ้านครหลวงต้องออกให้แก่นายสุพรรณนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โดยสภาพเงินค่าภาษีเงินได้ไม่ใช่ค่าแรงงาน ทั้งโจทก์ก็มิได้นำสืบให้เห็นเช่นนั้น รวมทั้งมิได้นำสืบถึงจำนวนค่าภาษีดังกล่าวด้วย จึงไม่บังคับให้พิพากษาแก้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ต้องขาดแรงงานแก่การไฟฟ้านครหลวงโจทก์อีก ๖,๙๔๑.๖๖ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลเสียทั้งหมดนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามศาลอุทธรณ์

Share