คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584-585/2472

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เอาประกันภัยได้บอกแก่ผู้แทนของผู้รับประกันภัยทราบแล้วว่าโรงสีของตนได้ให้ผู้อื่นเช่าทำอยู่ สัญญากรมธรรม์ประกันภัยนั้นหาเป็นโมฆียะไม่ วิธีพิจารณาแพ่ง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคำพะยานคลาดเคลื่อนจากหลักกฎหมายศาลฎีกาย่อมทรงไว้ซึ่งอำนาจที่จะวินิจฉัยคำพะยานนั้นใหม่ได้ เทียบฎีกาที่ 1028/2463 ลักษณพะยาน พะยานบุคคลนอกจากเป็นพะยานบอกเล่าแล้ว ย่อมอยู่ในฐานะเป็นพะยานชั้นที่ 1 สำเนาเอกสารเป็นพะยานชั้นที่ 2

ย่อยาว

คดีนี้ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า ๑. เมื่อทำกรมธรรม์ประกันภัยต่อโจทก์แล้ว จำเลยได้เอาโรงสีไปประกันไว้ต่อบริษัท ย.อีก โดยไม่บอกให้โจทก์ทราบ ๒. จำเลยปกปิดไม่บอกโจทก์ในเวลาทำสัญญาเอาประกันภัยว่าได้ให้นายเล่งนั้งเช่าโรงสีของจำเลยทำ อันเป็นสาระสำคัญในสัญญา ต้องด้วยบทกลฉ้อฉลตามประมวลแพ่ง ม.๑๒๔-๘๖๕ จึงพิพากษาว่ากรมธรรมืประกันภัยนั้นเป็นโมฆะมาแต่ต้น
ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามศาลแพ่ง โดยวินิจฉัยว่า ตามคำให้การของหลวงจันทรามาตย์แลหลวงรักษ์ระเบียบกิจพะยานจำเลยที่ว่า ได้ยินจำเลยแจ้งเรื่องการที่ให้นายเล่งนั้งเช่าทำโรงสีแก่ผู้แทนของโจทก์นั้นเป็นพะยานชั้นที่ ๒ เชื่อฟังไม่ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พะยานบุคคลนั้นอกจากเป็นพะยานบอกเล่าแล้ว จะเป็นประจักษพะยานหรือพะยานประพฤติเหตุก็ดี ย่อมอยู่ในฐานะพะยานชั้นที่ ๑ แลเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคำพะยานคลาดเคลื่อนจากหลักกฎหมายเช่นนี้แล้ว ศาลฎีกาย่อมทรงไว้ซึ่งอำนาจที่จะฟังข้อเท็จจริงจากคำพะยานนั้นเสียใหม่ได้ ฉะนั้นตามคำหลวงจันทรามาตย์ กับหลววรักษ์ระเบียบกิจซึ่งเบิกความว่าได้เห็นแลได้ยินจำเลยบอกแก่ผู้แทนของโจทก์ถึงเรื่องให้นายเล่งนั้งเช่าทำโรงสีนั้น จึงเป็นพะยานชั้นที่ ๑ แลฝ่ายโจทก์ก็มิได้นำสืบหักล้างความนี้ ทั้งมิได้นำคำถามคำตอบของจำเลยซึ่งตามธรรมดาบริษัทประกันภัยได้ทำรายงานไว้ก่อนออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยมาสืบด้วย จึงควรฟังตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่า จำเลยได้บอกให้โจทก์ทราบถึงเรื่องที่นายเล่งนั้งเช่าโรงสีของจำเลยทำแล้ว กรมธรรม์ประกันภัยนั้นจึงหาเป็นโมฆียะตามประมวลแพ่ง ม.๘๖๕ ไม่ ให้ยกคำพิพากษาศาลล่าง แลฟ้องโจทก์เสีย

Share