แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
(1) การที่จำเลยกู้เงินโจทก์และตกลงกันให้จำเลยทำนาแบ่งผลข้าวที่ทำได้แต่ละปีแทนดอกเบี้ย บางปีได้มากบางปีได้น้อยจะถือว่ารายได้ของโจทก์ที่มากเกินกว่าอัตราที่กฎหมายรับรู้นั้นเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราหาได้ไม่
(2) อนึ่ง การที่จำเลยเป็นหนี้ไม่ส่งข้าวเปลือกดังกล่าวตลอดมาจึงตกลงทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้จะอ้างว่าสัญญานี้รวมดอกเบี้ยเกินกำหนดเข้าไว้ด้วยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยรวม 15,470 บาท
จำเลยให้การว่า กู้เงินเพียง 2,000 บาท และได้ใช้บ้างแล้วเหลือเพียง 1,440 บาท และว่าโจทก์เรียกดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ดอกเบี้ยเกินอัตราเป็นโมฆะในส่วนที่เป็นดอกเบี้ยพิพากษาให้ใช้เงิน 2,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี
ศาลอุทธรณ์ว่า ไม่ใช่เรื่องดอกเบี้ยเกินอัตรา พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อตกลงเดิมที่จำเลยจะให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ยนั้นเป็นข้อตกลงที่ชอบ ไม่ขัดต่อกฎหมาย การที่โจทก์ไม่ได้ทำนา ก็เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ข้อทำโดยจะแบ่งข้าวเปลือกให้ปีละร้อยละสามสิบเป็นเรื่องที่จำเลยเห็นว่าน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าการที่จะมอบนาให้โจทก์เป็นผู้ทำ รูปเรื่องจึงกลายเป็นว่าจำเลยจะแบ่งผลข้าวที่ทำได้แต่ละปีให้โจทก์แทนดอกเบี้ย ปีใดได้ข้าวน้อยรายได้ของโจทก์ก็ต่ำลง ปีใดได้ข้าวดี โจทก์ก็มีรายได้สูง เช่นนี้จะถือว่ารายได้ของโจทก์ที่มากเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายรับรู้ เป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราไม่ได้
อนึ่ง การที่โจทก์ไม่ได้รับข้าวเปลือกจากจำเลยตลอดมา จำเลยจึงตกลงทำเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ จะอ้างว่าสัญญานี้ได้รวมดอกเบี้ยเกินกำหนดเข้าไว้ด้วยไม่ได้ พิพากษายืน