คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่มีโฉนดแผนที่แล้ว และโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาจนบัดนี้ ยังไม่ถึง 10 ปี ฉะนั้นแม้จำเลยจะเป็นผู้ครอบครองติดต่อมาตลอดเวลากว่า 30 ปีแล้ว แต่เมื่อสิทธิการครอบครองของจำเลยยังมิได้จดทะเบียนแล้ว จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ซึ่งได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และจดทะเบียนการรับโอนนั้นแล้วไม่ได้ ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299
ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

ความว่า ที่พิพาทเดิมเป็นโฉนดมีชื่อนายอ่อน นายก้อนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แล้วได้เอาจำนองไว้กับนางสาวหลี ต่อมาได้มีการไถ่ถอนจำนอง เวลานั้นโฉนดเดิมหายไป เจ้าพนักงานที่ดินได้ออกใบแทนโฉนดให้ใหม่ แล้วผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้โอนขายให้แก่โจทก์ โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่ผู้ขาย กับได้โอนโฉนดเป็นชื่อโจทก์เสร็จไปแล้ว ในการนี้โจทก์มิได้ไปตรวจดูที่ ภายหลังจึงทราบว่าจำเลยได้ครอบครองที่นารายนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 30 ปีแล้ว ครั้นโจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากที่รายนี้ จำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้โก่นสร้างที่พิพาทและได้ครอบครองเป็นเจ้าของสิทธิเด็ดขาดติดต่อมาเป็นเวลา 30 ปี แล้วจำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยและไม่เสียหายตามฟ้อง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและใช้ค่าเสียหาย 400 บาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นที่มีโฉนดแผนที่แล้วและโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาจนบัดนี้ยังไม่ถึง 10 ปีแม้จำเลยจะเป็นผู้ครอบครองติดต่อมาตลอดเวลากว่า 30 ปีแล้ว แต่เมื่อสิทธิครอบครองของจำเลยยังมิได้จดทะเบียน จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ ซึ่งได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และจดทะเบียนการรับโอนนั้นไม่ได้ ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299

ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยไม่ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้

พิพากษายืน

Share