แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองจำนวน 20 เม็ด รวมน้ำหนัก 1.720 กรัม เข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก 6 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มีพันตำรวจตรีภาสันต์กับสิบตำรวจเอกพรชัยผู้ร่วมจับกุมเป็นพยานเบิกความสอดคล้องต้องกันว่า เมื่อพยานโจทก์ทั้งสองไปถึงซอยที่เกิดเหตุก็พบจำเลยที่กลางซอย เมื่อจำเลยเห็นเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมก็ตกใจและแสดงอาการพิรุธออกมา พันตำรวจตรีภาสันต์ให้สิบตำรวจเอกพรชัยเข้าตรวจค้นตัวจำเลยก็พบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 20 เม็ด ของกลางในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าข้างขวาของจำเลย จำเลยรับว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของจำเลย จำเลยซื้อมาในราคาเม็ดละ 60 บาท ชั้นจับกุมจำเลยก็ให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองตามที่ผู้ร่วมจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาเพียงแต่ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน เนื่องจากร้อยตำรวจเอกสำเริงพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่า มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษที่แก้ไขใหม่ แต่จำเลยก็ไม่ได้ให้รายละเอียดในการปฏิเสธ คงให้การแต่เพียงว่าขอไปให้การในชั้นพิจารณาของศาลนับว่ามีพิรุธ นอกจากนี้จำเลยก็เบิกความรับว่าก่อนเกิดเหตุคดีนี้ มีเจ้าพนักงานตำรวจแจ้งให้จำเลยทราบว่าครอบครัวของนางสาววาสนามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยและนางสาววาสนาจึงออกจากบ้านซึ่งอยู่ข้างสถานที่เกิดเหตุไปเช่าคอนโดมิเนียมอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ปรากฏว่าเหตุใดจำเลยซึ่งไปส่งนางสาววาสนาที่ร้านทำผมแล้ว จึงต้องไปอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านดังกล่าวที่เป็นแหล่งค้าเมทแอมเฟตามีนอีก กรณีจึงเชื่อได้ว่าพันตำรวจตรีภาสันต์และสิบตำรวจเอกพรชัยผู้ร่วมจับกุมเบิกความว่า จับกุมจำเลยได้พร้อมกับเมทแอมเฟตามีนของกลาง จำนวน 20 เม็ด ไปตามความจริง ย่อมไม่กล้าปรักปรำจำเลยซึ่งรู้จักสนิทสนมกับพวกเจ้าพนักงานตำรวจถึงขั้นชี้แนะให้จำเลยทราบว่าผู้ใดเป็นผู้ค้าเมทแอมเฟตามีนบ้าง ส่วนที่จำเลยฟ้องพันตำรวจตรีภาสันต์กับพวกเป็นคดีอาญานั้น ก็เกิดขึ้นภายหลังจากที่จับกุมจำเลยเป็นคดีนี้แล้ว ทั้งศาลชั้นต้นก็พิพากษายกฟ้องและแม้ผู้ร่วมจับกุมค้นไม่พบเงินที่ขายเมทแอมเฟตามีนหรือธนบัตรใด ๆ จากจำเลยก็มิใช่ข้อพิรุธดังที่จำเลยฎีกา เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน โจทก์เพียงแต่ฟ้องว่าครอบครองเมทแอมเฟตามีน ซึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษที่แก้ไขใหม่ เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองจำนวน 20 เม็ด รวมน้ำหนัก 1.720 กรัม นั้นเข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงได้ฟ้องจำเลยข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาเพื่อจำหน่ายหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริงไม่เกี่ยวข้องกับคดี การไม่พบเงินสดที่ได้จากการขายเมทแอมเฟตามีนหรือธนบัตรใด ๆ ในตัวจำเลยก็ไม่ได้เป็นการผิดวิสัยดังที่จำเลยฎีกา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาข้างต้นประกอบกับคำรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยว่ามีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20 เม็ด ของกลางไว้ในครอบครองซึ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าวมีปริมาณที่ถือได้ว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนี้มีจำนวนเพียง 20 เม็ด ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าหนักเกินไป ควรแก้ไขให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์